เมื่อได้เข้าไปในวังบางขุนพรหมแล้วจะต้องถอดรองเท้าใส่ในตู้เก็บและมีการตรวจสัมภาระ หากต้องการที่จะฝากของก็มีล็อคเกอร์คอยอำนวยความสะดวกอยู่ทางด้านหน้านั่นเอง เราจะได้เข้าไปชมวิดีโอแนะนำวังบางขุนพรหมความยาวประมาณ ๑๐ นาทีที่ห้องบรรยายก่อน หลังจากนั้นผู้บรรยาย(ไกด์)จะพาเที่ยวชมค่ะ ชั้นบนมีห้องที่น่าสนใจหลายห้อง สำหรับผู้เขียนแล้ว “ห้องสีชมพู” น่าสนใจมากที่สุดค่ะ ห้องที่ออกแบบตบแต่งด้วยโทนสีชมพู ปูพรหมเปอร์เซีย เพดานประดับด้วยโคมไฟแก้วก้านทองเหลือง ๓ ช่อใหญ่ลดหลั่นกัน ที่ช่องแสงช่องลมมีลวดลายปูนปั้น ลวดลายเปลือกหอยลงสีทองงดงามขนาดนี้ใช้รับรองใคร? พระองค์แรกที่เสด็จมาสม่ำเสมอก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ นั่นเองค่ะ

ฉะนั้น โทนสีชมพู คือ สีประจำวันประสูติของพระองค์คือวันอังคาร ส่วนลายประตู จะเห็นว่ามีโทนสีเขียวเพิ่มขึ้นมา รวมถึงผ้าม่านจะเห็นว่าเป็นสีประจำวันพุธ ซึ่งก็พ้องกับวันประสูติเจ้าของวังคือทูนกระหม่อมบริพัตร พระองค์ท่านประสูติวันพุธนั่นเอง นัยยะของการเที่ยววัง เราสามารถสังเกตสี ที่ใช้ในแต่ละห้องได้ ซึ่งจะใช้สีในความเกี่ยวโยงกับท่านเจ้าของวังเป็นหลัก สำหรับประวัติการใช้ห้องสีชมพู เคยได้รับรองทูตานุทูตคนสำคัญระดับโลก ระดับประเทศ อย่างในสมัยทูนกระหม่อมบริพัตร ท่านรับรองนายพลจอฟฟร์แห่งประเทศรัสเซีย ในช่วงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๑ (แม่ทัพสัมพันธมิตรสงครามโลกครั้งที่๑) และภาพกลางห้องจะเป็นภาพทูนกระหม่อมฉายพระรูป ประทับเคียงคู่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ พระบิดาของพระองค์ บุคคลสำคัญที่เคยใช้ห้องสีชมพูในการทำกิจกรรมสำคัญ ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ทรงใช้ห้องสีชมพูแห่งนี้ ประกาศพิธีหมั้นของพระองค์ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ในแง่มุมหนึ่งที่พระองค์สนพระทัยการบันทึกภาพยนตร์ก็ทรงเสด็จมาวังบางขุนพรหม มีการฉายภาพยนตร์เรียกว่าหนังบ้านซึ่งเกิดขึ้นที่ห้องแห่งนี้ด้วย จะเห็นว่าบรรยากาศห้องสีชมพูนั้นไม่เคยเงียบเหงา มีแขกผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาใช้งานสม่ำเสมอ