คำแนะนำการใช้งาน
ขยายขนาดตัวอักษร
เพิ่มระยะห่างตัวอักษร
เพิ่มขนาดลูกศรชี้
ตำแหน่ง
เส้นช่วยในการอ่าน
เน้นการเชื่อมโยง
ปรับชุดสี
เปิดการใช้งาน
ปิดการใช้งาน
คำแนะนำการใช้งาน
เริ่มต้นใช้งาน
Text Size

การขยายขนาดตัวอักษร

สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน

Text Spacing

การเพิ่มระยะห่างตัวอักษร

การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

Large Cursor

การเพิ่มขนาดลูกศรชี้ตำแหน่ง

ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%


Reading Guide

เส้นช่วยในการอ่าน

จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น

Highlight Links

เน้นการเชื่อมโยง

ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Change Color

เลือกปรับชุดสี

สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน

ย้อนกลับ

ตำนานรักเขาสอยดาว

(เจ้าแม่เขาเกลือ)

     ความรักเมื่อเกิดขึ้นมากับใครแล้วมักจะทำให้ลืมความทุกข์ยากใดๆ โดยสิ้นเชิง  ตำนานโศกนาฏกรรมความรัก ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณเจ้าของตำนานที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวมาสู่ข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องราวนี้จากหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เพื่อนำมาประกอบการแสดงนาฏศิลป์เมื่อปี 2554 ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความรักอันแสนเศร้าและไม่สมหวังของเจ้าแม่เขาเกลือ กับเจ้าชายวรมัน แม้จะไม่รู้พระนามของพระองค์แต่ข้าพเจ้าก็สัมผัสถึงความรักที่พระองค์มีต่อเจ้าแม่เขาเกลือ  นั่นคือที่มาแห่งตำนานรักที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอในลำดับต่อไป

      เมื่อประมาณพันกว่าปีมาแล้ว  อาณาจักรขอมรุ่งเรืองอยู่ในแถบสุวรรณภูมินี้ พระเจ้าชัยวรมันปกครองดินแดนนี้ด้วยความสงบสุขร่มเย็น ครั้งหนึ่งพระเจ้าชัยวรมันในยุคนั้นได้มีพระบรมราชโองการให้เจ้าชายควบคุมไพร่พลทำถนนเพื่อตัดข้ามเขาไปยังดินแดนฝั่งเมืองควนคราบุรี  อันเป็นดินแดนติดต่อกันจะด้วยเหตุใดยังมิทราบ เจ้าชายวรมันได้ตัดถนนจากเมืองนครธมมาเรื่อยๆ จนถึงเขามะเกลือที่บนเขาเต็มไปด้วยต้นมะเกลือและมีกระท่อมสองตา ยาย ตั้งอยู่บนเขา  สองตา ยาย มีหลานสาวหน้าตาสะสวยอยู่ 1 คน และในตำนานก็ไม่ได้กล่าวถึงชื่อของนางผู้นั้นแต่อย่างได 

        วันหนึ่งเจ้าชายเสร็จจากภาระกิจในการตรวจการทำถนนของเหล่าทหารและได้เห็นบ้านของสองตา ยาย บนเขามะเกลือนั้น จึงได้พบสบตากับสาวน้อยผู้เป็นหลานสาว  และตั้งแต่นั้นมาเจ้าชายก็ไปมาหาสู่พบปะพูดคุยกับสาวน้อยผู้นั้นจนเกิดความรักปฏิพัทธ์ต่อกันเป็นอย่างมาก  จนเวลาผ่านไปการตัดถนนก็เสร็จสิ้น  ทำให้เจ้าชายต้องเดินทางกลับพระนคร  ในค่ำคืนวันอำลาจากกันเจ้าชายได้สัญญากับสาวน้อยผู้นั้นว่าจะมารับไปอยู่ด้วยกันในวัง  และก่อนจากกันทรงตรัสถามถึงสิ่งที่นางอยากได้และให้ขอ  สาวน้อยเมื่อได้ฟังสิ่งที่เจ้าชายตรัสก็เพ่งมองไปยังท้องฟ้าเห็นดวงดาวส่องสว่างสุกใสจึงร้องขอดาวจากเจ้าชายในค่ำคืนนั้น  ด้วยความรักที่เจ้าชายมีต่อสาวน้อยผู้นั้นและเป็นผู้รักษาวามสัตย์ในสิ่งที่ตนพูดไปจึงรับปากว่าจะสอยดวงดาวให้กับสาวน้อยผู้นั้นโดยมอบทรัพย์สมบัติบางส่วนที่ตนมีอยู่ให้สาวน้อยผู้นั้นไว้แล้วตรัสทิ้งท้ายไว้ว่า  "ทรัพย์สมบัติที่พี่มีนี้น้องจงเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นเถิด หากภายใน 7 วันนี้  พี่มิกลับมาก็ขอให้น้องรู้ไว้ว่า พี่จะรักเจ้าเพียงผู้เดียว" 

       เจ้าชายมีฤทธิ์มากสามารถเหาะได้ จึงพาทหารคนสนิทไปบางส่วน พระองค์ไปถึงยอดเขาสูงยอดที่หนึ่งในคืนแรกทรงสั่งให้ทหารตัดไผ่ต่อให้ยาวที่สุดเพื่อสอยดาวให้กับนางอันเป็นที่รักแต่ต่อไม้ไผ่ยาวแค่ไหนก็ยังไม่ถึง  และในคืนต่อๆ มา เจ้าชายได้เปลี่ยนไปตามยอดเขาต่างๆ จนไปถึงยอดเขาที่ 7 ซึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดจนใคร ๆ ก็คิดว่าค่ำคืนนี้คงได้ดาวสมปรารถนาแต่พระองค์ทรงคิดผิด  ต่อให้ต่อบันใดไม้ไผ่ให้สูงขึ้นเพียงใด ต่อไม้สอยให้ยาวอีกสักเท่าใดก็ไม่อาจสอยดาวได้สำเร็จ  เจ้าชายวรมันทรงตรอมพระทัยด้วยความเสียใจและในที่สุดพระองค์ก็สิ้นพระชนม์ลง อาจเนื่องมาจากความหักโหมและมิได้เสวยอะไรเลยถึง 7 วัน 7 คืน ด้วยความมุ่งมันที่จะสอยดาวให้สำเร็จ

       ทหารได้นำความมาบอกสาวน้อยที่กำลังรอเจ้าชายอยู่นั้นว่าเจ้าชายได้สิ้นพระชนม์แล้ว  สาวน้อยผู้นันเมื่อทราบว่าเจ้าชายสิ้นพระชนม์ก็เสียใจเป็นอย่างมากถึงกับล้มป่วย และไม่นานก็สิ้นใจตามเจ้าชายไป  สองตา ยาย เสียใจมากที่หลานสาวต้องมาตายด้วยความรักเช่นนี้จึงนำทรัพย์สมบัติที่เจ้าชายมอบไว้มาวางใกล้ศพของหลานรักและเผาศพของนางไปพร้อมกับกระท่อมหลังนั้นก่อนจะอพยพย้ายถิ่นฐานจากไปจากเขามะเกลือนั้น       

      กาลเวลาต่อมาถนนสายที่เจ้าชายได้นำไพร่พลมาตัดไว้ก็มีคนสัญจรไปมาด้วยเกวียนบ้าง เดินบ้าง ม้าบ้าง ต่างก็ได้พบเห็นสาวน้อยนั่งรอใครบางคนอยู่ในกระท่อมในยามค่ำคืนจนเป็นที่โจษขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสาวน้อยผู้นั้น และผู้คนก็ได้ถวายนามให้กับสาวน้อยผู้นั้นว่าเจ้าแม่เขามะเกลือ  ตามชื่อของเขาแต่ต่อมาเขานั้นได้เรียกเพี้ยนเปลี่ยนไปเป็นเขาเกลือ  พระนามของเจ้าแม่จึงเปลี่ยนเป็นเจ้าแม่เขาเกลือในปัจจุบัน  ส่วนด้านของเจ้าชายวรมันผู้ตั้งมั่นในคำสัตย์มีคำบอกเล่าว่ามีศาลบนยอดเขาที่เหล่าบรรดานายพราน คนเดินป่าสร้างถวายไว้ให้และขนานนามพระองค์ว่าเจ้าพ่อสอยดาว ซึ่งปัจจุบันไม่อาจรู้ได้ว่ายังมีศาลของพระองค์อยู่บนนั้นหรือไม่ แต่เบื้องล่างมีศาลของพระองค์แล้ว  นั่นจึงกลายเป็นที่มาของเขาสอยดาว อันได้ชื่อว่าอยู่ใกล้ดวงดาวที่สุด

      สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าของกราบสักการะดวงพระวิญญาณของเจ้าพ่อเขาสอยดาวและเจ้าแม่เขาเกลือด้วยความเคารพ ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความสัตย์ของเจ้าชาย และความรักที่ตั้งมั่นของทั้งสองพระองค์ที่ทรงให้แก่กันและหวังถวายพระพรให้ทั้ง 2 พระองค์จงได้สมหวังในความรักในชาติใดชาติหนี่งเบื้องหน้าต่อไป 

      ข้าพเจ้าขอขอบคุณต้นเรื่องที่ได้รวบรวมตำนานมาให้ข้าพเจ้าได้ศึกษาและสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หอจดหมายเหตุ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกจันทบุรี

 

15,597 views

12

แบ่งปัน

มิวเซียมในจังหวัดจันทบุรี