สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ทริปนี้ผมจะชวนทุกท่านตามกระแสละครดังแห่งยุค บุพเพสันสิวาส “ออเจ้า” ปลุกกระแสคนไทยย้อนชื่นชมอดีต เมืองพระนารายณ์ จ.ลพบุรี เพื่อมาต่อยอดความรู้ทางประวัติศาสตร์จากละครที่พึ่งจบไป เรียกว่า “ละครจบ แต่การใฝ่รู้หาจบไม่” ปกติใครมาเที่ยว ที่นี่ส่วนใหญ่จะไปเที่ยวที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์คหลัก ของ จ.ลพบุรี ...แต่..รีวิวนี้จะเน้นพาเที่ยวแบบเจาะลึก นอกเหนือจากการเที่ยวพระราชวังโบราณในสมัยพระนารายณ์ กันหน่อยนะครับ .......เริ่มจากหาที่จอดรถให้เรียบร้อยแล้วซื้อบัตรผ่านประตู แล้วตามมาเลยครับ....รีวิวนี้ถ่ายภาพไว้เมือ 18/4/2561 นะครับ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.
โบราณสถานพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดบริการวันจันทร์ – วันอาทิตย์ 09.00-16.30 น.
ค่าเข้าชมชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท *นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, ภิกษุสามเณรและนักบวชในศาสนาต่าง ๆ ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม
แนะนำให้มาเที่ยวกันเช้า ๆ อากาศดี ไม่ร้อนครับ เดินถ่ายภาพกันสนุกสนานมาก ๆ ช่วงแรกเดินถ่ายภาพ อาคารเก่าของพระนารายณ์ราชนิเวศน์กันก่อนครับ พระที่นั่ง และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย เป็นพระราชวังโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีความสำคัญและมีคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรมแสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ในสมัยหนึ่งของเมืองลพบุรี.......ตามมาชมกันยาว ๆ เลยครับ
โซนนี้เป็น บริเวณกลุ่มอาคาร สิบสองท้องพระคลัง เป็นที่เก็บสินค้า หรือสิ่งของเพื่อนใช้ในราชการ
ตรงนี้เป็น อาคารรับรองแขกเมือง เป็นสถานที่เลี้ยงต้อนรับคณะราชฑูตชาวต่างประเทศ (อยู่ระหว่างการบูรณะ)
เราจะสังเกตได้ง่าย ๆ ว่า เอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมยุคนี้ ช่องประตู หน้าต่าง จะเป็นซุ้มโค้งทรงกลีบบัว ครับ
ตึกพระเจ้าเหา (หลายคนคงเคยพูดเปรียบเปรยของเก่า ๆ โบราณ ๆ ว่า สมัยพระเจ้าเหา..นี่แหล่ะครับ ของจริงเลย)....เป็นหอพระประจำพระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ แห่งนี้นั่นเองครับ
ในอดีตคงอลังการงานสร้างมากนะครับ โชคดีที่วันนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังดูแลรักษาเป็นอย่างดี ให้พวกเราได้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์แบบสัมผัสได้จริงครับ
ดูจากปูนปั้นลวดลายไทยเหนือซุ้มหน้าต่าง และช่องหน้าต่างโค้งแบบกลีบบัวแบบยุโรป ดูสอดคล้องลงตัวอย่างงดงามมากครับ
โรงช้างหลวง ก็เหมือนโรงรถ ของพระมหากษัตริย์ นั่นแหล่ะครับ จะอยู่ด้านหน้าประตูพระราชวัง มีทั้งหมด 10 โรง เป็นที่อยู่ของช้างพระที่นั่ง และช้างหลวง สำหรับใช้ในราชการเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์
ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลาง (ประตูกลาง) วันธรรมดา ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกันเรื่อย ๆ ครับ
ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลาง (ประตูแรก) ทางนี้เราจะเดินเข้าสู่ พิพิธภัณฑ์
ที่เห็นคือ พระที่นั่งจันทรพิศาล อดีตเป็นที่ประทับออกว่าราชการแผ่นดินและประชุม องคมนตรี ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรื่อง“ประวัติศาสตร์ชาติไทยครั้งรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” น่าสนใจมากมายครับ ...ตามเข้าไปดูด้านในกันดีกว่าครับ
ภายในจัดแสดงภาพประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญ และโบราณวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ภาพการเข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน์ของพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่พระบรมมหาราชวัง พระนครศรีอยุธยา
ประติมากรรมสัญลักษณ์ฤดูใบไม้ผลิ หรืออาจจะเป็นรูปเทพธิดาแห่งดอกไม้
ตู้พระธรรมสมัยโบราณ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นผู้รวบรวมเอาไว้เมื่อครั้งเป็นนายกราชยบัณฑิต
วัตถุโบราณเก่า ๆ ที่จัดแสดง ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
ธรรมมาสโกษาปาน ทำจากไม้แกะสลักลายกระจังขนาดใหญ่ ดูเหมือนกระทงรองรับเรือนบุษบก งดงามจริง ๆ ครับ
เดินตามรอยประวัติศาสตร์มาเรื่อย ๆ มาถึง พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นอาคาร 3 ชั้น จัดแสดงนิทรรศการถาวร เกี่ยวกับพัฒนาการเมืองลพบุรี ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยปัจจุบัน
เดินเข้ามาด้านใน แอร์เย็นฉ่ำ คลายร้อนได้อย่างดีเลยครับ ภายในชั้น 1 นั้น เป็นการลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์เมืองลพบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุประมาณ 3500 ปีมาแล้วครับ
ต่อเนื่องมาจนถึงยุคสมัย ยุคต้นประวัติศาสตร์ หรือสมัยทาราวดี และการเริ่มติดต่อสัมพันธ์ กับดินแดนโพ้นทะเลในช่วง พุทธศตวรรษที่ 12-16
โดยจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่พบจากแหล่งต่าง ๆ ใน จ.ลพบุรี
รูปปั้นพระวิษณุ อายุราว พุทธศตรวรรษที่ 12-13 พบที่ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี ...ใครที่เคยเข้าไปเดินถ่ายภาพในศาลพระกาฬ กลางเมืองลพบุรี พอจะนึกออกนะครับ ว่า รูปปั้นองค์นี้น่าจะมีประวัติยาวนาน ตามองค์พระปรางค์แน่ ๆ
หัวสิงห์ปูนปั้น อายุราว พุทธศตรวรรษที่ 16-17 พบที่สถูปหน้าที่ทำการ ปณ.ลพบุรี คนลพบุรี น่าจะพอนึกออกว่า ปณ. ลพบุรี อยู่ตรงไหนเนอะ
โครงกระดูกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ ขุดพบได้ที่ แหล่งโบราณคดีท่าแค อ.เมือง ลพบุรี
ตุ๊กตาดินเผาโบราณ รูปแบบต่าง ๆ
บริเวณชั้น 2 จัดแสดง ศิลปเครื่องปั้นที่ได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมขอม สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงยุครัตนโกสินทร์ ครับ
พระพุทธรูปดินเผาปางไสยยาสน์ ลงรักปิดทอง สมัยอยุธยาตอนปลาย ราวพุทธศตรวรรษที่ 22-23 มีความงดงาม และสมบูรณ์มากครับ
อาวุธในรูปแบบต่าง ๆ ทั้ง ดาบ หอก ง้าว โล่ ตะขอ ปืน ฯลฯ ของจริงเลยครับ
ห้องนี้รวบรวมหินแกะสลักศิลปะเขมร ที่ค้นพบที่ลพบุรี เก่าจริง และสภาพสมบูรณ์ งดงามมากครับ
ตามผมขึ้นมาชั้น 3 กันต่อเลยครับ ห้องนี้จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม วัฒนะธรรม และพระราชประวัติ ครับ
พระแท่นบรรทม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
อาคารไม้สักโบราณสวยงาม สีเขียวที่อยู่ด้านหน้าทางเข้านี่ ปัจจุบันเป็นสำนักงาน นะครับ....ออกจากที่นี่เดี๋ยวเราไปเที่ยวที่อื่นใกล้ ๆ กันต่อดีกว่าครับ
เดินถ่ายภาพ ย้อนอดีตกันเพลินเลยครับ เดี๋ยวเราไปเที่ยว บ้านหลวงรับราชฑูต หรือ บ้านวิชาเยนทร์ กันต่อดีกว่าครับ อยู่ใกล้ ๆ กันในเมืองนี่แหล่ะครับ ให้ GPS นำทางได้เลย ชาวไทย และต่างประเทศ มาเที่ยวที่นี่เรื่อย ๆ ครับ
คนไทยซื้อบัตรผ่านประตู 10 บาทแล้วตามเข้ามาเลยครับ บ้านวิชาเยนทร์ อยู่บนถนนวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ห่างจากเ ทวสถานปรางค์แขกประมาณ 200 เมตร เปิดบริการวัน พุธ – อาทิตย์ เวลา 8.30 – 17.00 น.
บ้านวิชาเยนทร์ หรือ บ้านหลวงรับราชทูต สร้างขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับคณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2228 ในสมัยแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์ อีกทั้งยังเป็นบ้านพักที่เมืองลพบุรี ของท้าวทองกีบม้า กับสามี เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ หลวงสุรสาคร (คอนสแตนติน ฟอลคอน) สมุห์นายกชาวกรีก คนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ อีกด้วย
คอนสแตนติน ฟอลคอน คือชื่อเดิมเมื่อครั้งท่านเข้ามารับราชการ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “เจ้าพระยาวิชาเยนทร์” ด้วยเพราะทำความดีความชอบไว้มาก และได้รับพระราชทานที่พักอาศัยให้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูต จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านวิชาเยนทร์ นั่นเอง
ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้านหลวงรับราชทูต บางหลังเป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออกก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบ เรอเนสซองส์ ซึ่งเจริญแพร่หลายในระยะเวลาเดียวกัน และที่สำคัญอีกคือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ซึ่งเป็นศิลปะแบบไทย ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา หลังแรกในโลกที่ตกแต่งด้วยลักษณะการผสมผสานของโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ และพระพุทธศาสนา
ห้องอาหาร มีห้องชั้นใต้ดิน เอาไว้เก็บไวน์ ...ลองนึกภาพย้อนไปหลายร้อยปีดูแล้วกันครับ ว่าที่นี่จะหรูหราขนาดไหน
ช่วงนี้ คนไทย จะแต่งชุดไทยมาเที่ยว โบราณสถานกันเยอะดีครับ ถือว่าละครไทยช่วยปลุกจิตสำนึกคนไทย ให้ย้อนกลับมานิยมแฟชั่นแบบไทยเดิมดีจริง ๆ วันหยุด จะเห็นคนใส่ชุดไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาเที่ยวถ่ายภาพกันมากมายครับ
เรื่องสำคัญที่อยากบอกให้เพื่อน ๆ จดใส่ปฏิทินไว้ลวงหน้าเลยก็คือ ช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ (คอยติดตามข่าวอีกที) เขาจัดงาน แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้วย ขอบอกเลยว่าน่าเที่ยวมาก ชาวบ้านร้านตลาดเขาแต่งกายด้วยชุดไทยกันทั้งเมืองเลยนะ สวยงามน่าอนุรักษ์ดี ช่วงปลายฤดูหนาวอากาศเย็น ๆ ใส่ชุดไทยมาเที่ยว ชิม แชะ แชร์ ในบ้านยากาศย้อนยุค กันชิล ๆ ดีนะครับ
ออกจากบ้านวิชาเยนทร์ เรามาเที่ยวกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์หอโสภณศิลป์ กันดีกว่าครับ การเดินทางหาไม่ยากเลย ตั้งพิกัด gps มาที่วัดเชิงท่า ครับ อยู่ในเมืองนี่เอง พิพิธภัณฑ์หอโสภณศิลป์ตั้งอยู่ภายใน วัดเชิงท่า ต. ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี นี่เองครับ
พระครูโสภณธรรมรัต หลวงพ่อถม เจ้าอาวาสวัดเชิงท่า สร้างเพื่อเป็นสถานที่รวบรวมและจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าทางศาสนา ศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ให้ผู้ที่สนใจศึกษาได้ รวมทั้งได้รับความรู้ในเวลาเดียวกัน ให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมเรื่องพระพุทธศาสนา และโบราณวัตถุ เปิดทุกวันตั้งแต่ 8.30 – 16.30 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม ซึ่งถือว่าช่วยส่งเสริมวิชาการ ศิลปวัฒนธรรม ให้กับชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างดี
วันนี้ผมเที่ยวถ่ายภาพสนุกมาก ตั้งแต่เช้ายันเย็นเลย คืนนี้เลยเลือกที่จะพักบ้านที่อยู่นอกเมืองซักหน่อย อยากได้ฟิล ทุ่งนา ป่า เขา ม้า วัว กระบือ ประมาณนั้น....สุดท้ายเลือก วัลลภาฟาร์มสเตย์ คือที่พักผ่อนสำหรับคืนนี้ของผมครับ
วัลลภาฟาร์ม นอกจากจะเป็นฟาร์มม้าที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแนว ฟาร์มสเตย์ แล้ว ยังมีร้านอาหาร บรรยากาศ วิวทุ่งนา จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ ที่นี่ก็คือคือ อาชาบำบัด ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้ฝึกสมาธิบนหลังม้า เหมาะสำหรับเด็กสมาธิสั้น และเด็กพิเศษครับ เด็กทั่วไปก็ขี่ม้าสนุก ๆ ได้นะครับ
กิจกรรมต่าง ๆ มีให้เลือกเยอะแยะ เช่น การขี่ม้า, การนั่งรถอีแต๋นชมทุ่ง, การทำไข่เค็มดินสอพอง, การนั่งรถม้าไปไหว้พระ, การสาธิตการทำนา, เก็บไข่ไก่จากฟาร์ม, การปั้นดิน
การเดินทางมาพัก วัลลภาฟาร์มสเตย์ ไม่ยากครับ ตั้ง gps มาได้เลย ตามที่อยู่ : ต.เขาพระงาม อ.เมือง จ.ลพบุรี ครับ
ตื่นแต่เช้ารีบออกเดินทางต่อ ไปจุดหมายต่อไป ที่ไหนยังไม่บอก คอยติดตามชมกันครับ คอนเฟิร์มว่า ได้ชมภาพ สวย สนุก ได้ความรู้ แน่นอน....แล้วเราจะพบกันอีกครับ.....โชคดีมีเงินใช้ทุกท่านครับ