จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดทางผ่านที่คนไม่ค่อยนึกถึง แต่ถ้าพอพูดถึง กลุ่มวีรชนคนกล้าอย่างหมู่บ้านบางระจันทุกคนก็ต้องรู้จักอย่างแน่นอน ไหนจะ ปลาช่อนเผาเมนูอาหารขึ้นชื่อที่ทำหลายคนต้องแวะมาให้ได้ หรือใครเดินทางผ่านก็มีอันต้องแวะกันบ้างแหละครับ

แต่ช้าก่อน…วันนี้ไม่ได้ชวนทุกคนมาหึกเหิมศึกษาการทำศึกหรือว่าพาไปกินปลาช่อนเผากัน แต่วันนี้จะมาแนะนำเปิดวาร์ปจุดเช็คอินใหม่ใจกลางเมืองสิงห์บุรีนั้่นก็คือ...มิวเซียมสิงห์บุรีนั่นเองครับ

มิวเซียมสิงห์บุรี

เป็นมิวเซียมที่ได้รวบรวมประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของคนสิงห์บุรีเอาไว้ในนิทรรศการที่มีชื่อว่า "ทรัพย์เมืองสิงห์" ซึ่งแต่ละห้องจะแยกชื่อทรัพย์เป็นหมวดต่างๆ แสดงให้เห็นเมืองแห่งขุมทรัพย์ นักรบ และวัฒนธรรม ในแต่ละด้าน แค่ได้ยินชื่อหัวข้อก็ตื่นเต้นแล้ว ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีทรัพย์อะไรกันบ้าง

ทรัพย์ดึกดำบรรพ์ “หลักฐาน”

“หลักฐาน” ยืนยันความเป็นเอกลักษณ์สำคัญของสิงห์บุรีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน และไม่พลาดเล่าเรื่องปลาช่อน ปลาดังประจำจังหวัด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองอย่างวัดพระนอนจักรสีห์อีกด้วย ถ้าอยากรู้ว่าสิงห์บุรีมีประวัติความเป็นมายังไง ตั้งแต่ พันปีก่อน จนมาถึงวันนี้ ต้องแวะมาห้องนี้เลย..

ทรัพย์เมืองเก่า “ชาวสิงห์บุรี”

“ชาวสิงห์บุรี” เป็นการร่วมกลุ่มของหมู่บ้านที่กระจัดกระจายกันตามที่ต่างๆ ที่มีความสามารถในด้านการค้า ทำให้รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ในอดีตก็เป็นถึงหัวเมืองสำคัญของกรุงศรีอยุธยาในยุคสิงห์- อินทร์- พรหม คุณค่าของเมืองเก่าแต่ละเมือง มารวมกันเป็นสิงห์บุรีปัจจุบัน จะรู้ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน

ทรัพย์ในดิน “เมืองเตาเผา”

“เมืองเตาเผา” สิงห์บุรีเป็นเมืองที่มีการผลิตภาชนะดินเผาขนาดใหญ่ มากมาย สินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงไม่พ้น ไหสี่หู งานนี้ส่งขายในอยุธยาไม่พอยังส่งออกไปทั่วโลกไกลถึงเอฟริกากันเลยนะ นี่แหละทรัพย์ภูมิปัญญาชิ้นใหญ่ของแท้เลย

ทรัพย์สลาย “กรุงแตก”

“กรุงแตก” เล่าให้เราเห็นอีกด้านนอกจากความรุ่งเรือง คือความโรยรา ศึกบางระจันแม้ทุกคนจะช่วยกันปกป้องแต่ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ทรัพย์เมืองสิงห์เลยสลายหายไปกับพร้อมกรุงศรีอยุธยานั่นเอง เหตุการณ์ต่างๆเป็นทรัพย์เรื่องราวมรดกที่ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ ถึงเรื่องราวของบ้านเมือง วีระบุรุษไทยก็ว่าได้เลยทีเดียว

ทรัพย์ทรงจำ “เมืองแฝดสาม”

“เมืองแฝดสาม” ไม่ใช่แฝดสามตัวติดกัน แต่เป็นเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง และในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการยุบรวม สิงห์ - อินทร์ – พรหม รวมเป็น “เมืองสิงห์บุรี” เมืองเดียวกันที่เป็นสิงห์บุรี ณ ปัจจุบันนั่นเอง

ทรัพย์เมืองสิงห์  “เมืองดี คนดี ของดี”

“เมืองดี คนดี ของดี” จากการรวมเมืองเป็น “เมืองสิงห์บุรี” ทำให้มีความหลากหลายของผู้คนทั้งวัฒนธรรม ความเชื่อ อาหารการกิน และ “ของใหม่” จนเป็นทรัพย์เมืองสิงห์ในปัจจุบัน เดินมาถึงห้องที่ 6 กันแล้วได้ทรัพย์ปัญญาไปหลายอย่างเลยล่ะ

ทรัพย์ปัญญา “สิงห์บุรีโมเดล”

“สิงห์บุรีโมเดล” ไม่ใช่โมเดลลิ่งนายแบบนางแบบนะทุกคน แต่มันคืออวิธีการควบคุมน้ำ และป้องกันน้ำท่วมด้วยคลองขุด “ใยแมงมุม” ว่ากันว่ากรุงศรีอยุธยาก็ใช้โมเดลนี้ ถือเป็นทรัพย์ปัญญาและเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นตั้งแต่เมื่อ 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ว่าคนสมัยก่อนแม้เทคโนโลยีไม่สูง แต่กระบวนการคิดนี่ สุดยอดไปเลย

ทรัพย์วันหน้า “สิงห์บุรีในฝัน”

“สิงห์บุรีในฝัน” มาถึงห้องสุดท้ายกันล่ะ ก้าวแรกเดินเข้ามาแบบงงๆ ทำไมช่างต่างจากห้องอื่นจัง เหมือนอยู่อีกยุคหนึ่งเลย เข้าให้ทดลองเป็นเจ้าเมือง เล่นเกมส์ทดสอบการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืน ให้ลองใช้จินตนาการของตัวเอง ลองปรับและเปลี่ยนแปลงสร้างเอกลักษณ์เมืองทั้ง สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และผู้คน ว่าจะสร้างสรรค์เมืองของสิงห์บุรีให้น่าอยู่ น่าเที่ยว สำหรับทุกคนได้ยังไงกันนะ อืมๆ ห้องสุดท้ายเป็นการวางแผนทรัพย์ในอนาคตนี่เอง

เดินเที่ยวรับทรัพย์ กันแบบจัดเต็มถึง 8 ห้อง 8 ทรัพย์ ซึมซับกลิ่นความขลังและคลาสสิคของเมืองสิงห์บุรีกันไปเลยกันทีเดียว ใครทรัพย์จาง อยากมาเพิ่มทรัพย์ความรู้ อย่ารอช้ามาเปิดวาร์ปมารับทรัพย์กันที่นี่ด่วนๆเลย มิวเซียมสิงห์บุรี เปิดให้บริการ วันอังคาร - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 – 17.00 น.

รู้เส้นทางขุมทรัพย์กันขนาดนี้แล้ว อย่าเก็บไว้คนเดียว ชวนครอบครัวมาหรรษารับทรัพย์กันถ้วนหน้าที่มิวเซียมสิงห์บุรี ด้วยกันน้า “Make your own life with Museum experiences”