สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
สวัสดีครับ.. วันนี้ได้มีโอกาสได้มารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงราย ที่เรียกได้ว่า คุณต้องห้ามพลาด...เริ่มจากสถานที่ที่ หลาย ๆ คนไม่รู้จัก แต่อาจจะเคยได้ยิน แต่ยังไม่เคยไป...พิพิธภัณฑ์เล่นได้ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
พิพิธภัณฑ์เล่นได้ เกิดจากการรวมตัวของ กลุ่มคนเฒ่าคนแก่ในบ้านป่าแดดราว 6-10 คน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2540 ที่ให้ ใช้พื้นดินสาธารณะในการดำเนินงานตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดป่าแดด จุดริเริ่มอยู่ที่ความสุขใจ จากการพูดคุยเรื่องราวในอดีตของแต่ละคน และค้นพบว่าความสุขสนุกสนานจากการเล่นของเล่นในวัยเยาว์ มีเรื่องราวที่งดงาม และความประทับใจ มากมาย จึงเป็นที่มาของการเริ่มดึงความสุขจากใจคนเฒ่าคนแก่ออกมาเล่าขานผ่านของเล่นเด็กอันเปี่ยมด้วยคุณค่า
ซึ่งสถานที่ตรงนี้..ได้ย้ายจากสถานที่เดิมออกมาเป็นบ้านไม้สองชั้นทรงไทย สวยงามมาก ๆ ครับ
และภายในก็ยังมีของเล่นให้เด็ก ๆไ ด้เล่น มากมาย..และหลาย ๆ อย่างบอกเลยว่าเด็ก ๆ ไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนแน่นอน
ภายในบ้านชั้นบนมีห้องพักให้คณะที่มาจัดกิจกรรมได้พักอีกด้วยนะครับ.
และชั้นล้าง ยังมีล้านที่เอาไว้จัดกิจกรรมและให้เด็กๆได้ลองเล่นของเล่นต่างอีกด้วย...
และที่นี่ก็ยังมีของเล่นให้เพื่อน ๆ ได้ช๊อฟกันอีกด้วยนะครับ...บอกเลยว่า..ของเล่นที่นี่ราคาถูกมาก ๆ เลย..
สามารถซื้อเป็นของฝากลูกฝากหลานก็ได้หรือว่าจะซื้อเอาไว้เล่นเองหรือใช้เองก็ยังได้นะครับ.
สำหรับที่ เปิดให้นักท่องเทียวเข้าชมได้ฟรีและเล่นฟรีครับไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
เปิดวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 -17-00 น.
สำหรับวันจันทร์ – ศุกร์ สามารถติดต่อทำกิจกรรมหรือมาเป็นกลุ่มคณะได้นะครับ
สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 089-999-8537 หมู่ 3 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
จากนั้นผมออกเดินทาง พิพิธภัณฑ์เล่นได้ เดินทางไปเที่ยวที่...หอวัฒนธรรมนิทัศน์เฉลิมพระเกียรติ กาญจนาภิเษก
หอวัฒนธรรมนิทัศน์ฯ ขณะนี้ได้จัดนิทรรศการเป็น พิพิธภัณฑ์ภาพเจียงฮาย หรือ ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า ตั้งอยู่ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เป็นอาคารหลังที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน รูปแบบอาคารเป็นทรงยุโรป แบบโคโลเนียล ก่ออิฐถือปูน 3 ชั้น ด้านหน้าเป็นรูปโค้งมีโถงทางเดินเชื่อมตลอดไม้ใช้เสาและคานคอนกรีต
ภายใน แสดงภาพเก่าเชียงราย ประกอบ สื่อวีดีทัศน์
ชั้นที่ 1 ในแต่ละห้อง จัดแสดง ภาพเจ้านายฝ่ายเหนือ ชาวบ้าน ชาวเขา ภาพวิถีชีวิต ภาพดนตรี และอาหาร รวมทั้งเงินตรา สมัยล้านนา
ชั้นที่ 2 จัดแสดงภาพ เชียงรายในอดีต และ ภาพล้านนา
ชั้นที่ 3 จัดแสดงภาพ รัขกาลที่ 7 เสด็จเยือนเชียงราย รัชกาลที่ 9 เสด็จเยือนเชียงราย โถงทางเดิน มีการประดับตกแต่งด้วยโคม ไฟ หลากสีสันสวยงามมากๆ ถูกแขนไว้ใต้ หลังคา บอกเลยว่า. .ที่นี่สวยงามถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้..สำหรับที่นี่ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม หยุดทุกวันจันทร์ เวลาทำการ เปิดให้เข้าชม 09:00 - 17:00 น. สอบถามข้อมูลเพิมเติมที่เบอร์ 053-175336 สำนักการศึกษา อบจ.ชร.
หลังจากเดินถ่ายภาพกันเพลิดเพลินดีแล้ว ผมออกเดินทางมุ่งหน้าไปเที่ยว....อีกหนึ่งสถานที่ของ อ.แม่ฟ้าหลวง..กับ “หอแห่งแรงบันดาลใจ”
ที่ต่างทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของกันและกัน ในการทรงงานเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของแผ่นดินไทย และส่งผลเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งแผ่นดินไทย มาจัดแสดงภายในหอแห่งแรงบันดาลในนี้ โดยแบ่งออกเป็น 7 ห้อง ดังนี้ ห้องที่ 1 “ราชสกุลมหิดล” ห้องนี้เป็นห้องที่จะกล่าวถึงสมาชิกราชสกุลมหิดล ในฐานะครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่อบอุ่น ที่เปรียบ “ดั่งหยดน้ำ” รวมตัวกันหลั่งลงมาบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ปวงชนชาวไทย ดังคำกล่าว “หอแห่งแรงบันดาลใจ เพียงหยดน้ำ หนึ่งหยดเล็กๆ ก็ส่งแรงกระเพื่อมสะเทือนไหว แต่ขยายยิ่งใหญ่ กว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุด ราชสกุลมหิดล เปรียบได้ดั่งหยดน้ำหยาดลงบนแผ่นดิน สร้างความฉ่ำเย็นให้ชนทั้งมวล”
ห้องนี้กล่าวถึงพระราชประวัติสมเด็จย่าในแต่ละช่วงเวลา ตั้งแต่ยังทรงเป็น “เด็กหญิงสังวาลย์” เด็กสาวสามัญที่ใฝ่ดีและแสวงหาโอกาส จนเป็น “คู่ชีวิตของเจ้าฟ้า” ที่ได้เห็นและซึมซับพระราชปณิธานอันแรงกล้าในการทรงงานเพื่อแผ่นดินของพระสวามี มาเป็น “แม่ของลูก” ที่มีหลักในการอบรมเลี้ยงดูพระโอรสพระธิดาให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และในที่สุดกลายเป็น “แม่ฟ้าหลวง” ของพสกนิกรชาวไทย ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้คนที่แร้นแค้นมากมายได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ห้องที่ 3 “การกลับคืนสู่มาตุภูมิของราชสกุลมหิดล”
ด้วยความรับผิดชอบที่ทรงมีต่อประเทศชาติ สมาชิกของราชสกุลมหิดลทรงต้องละวางชีวิตที่เรียบง่าย เพื่อเสด็จนิวัติกลับสู่มาตุภูมิ มาทรงรับพระราชกรณียกิจอันยิ่งใหญ่ในฐานะ “พระมหากษัตริย์ของประชาชน” ในยุคที่บ้านเมืองสับสนวุ่นวาย
ห้องที่ 4 “ความทุกข์ยากของประชาชน” ห้องนี้จะทำให้ผู้ที่ได้รับชมรับรู้ว่า “การครองราชย์ หาใช่ความสุขสบายไม่ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการทรงงานที่หนักหน่วงตลอดพระชนม์ชีพ”
ก้าวแรกที่เดินเข้าไปจากรูปภาพแผ่นเล็กๆ ร้อยเรียงเป็นภาพปัญหาที่กระทบต่อชีวิตของคนไทย ทั้งปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า การขาดแคลนน้ำ สภาวะแห้งแล้ง พร้อมกับเสียงพูดคุยของชาวบ้านในทุกพื้นที่ถึงปัญหาดังกล่าว ให้ความรู้สึกว่า “ปัญหาไม่มี
ห้องที่ 5 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนอย่างยั่งยืน” ถัดจากห้องที่ 4 ที่ได้รับรู้ถึงปัญหาจากทุกสารทิศในแผ่นดินแล้ว ห้องที่ 5 จึงจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกแห่งในประเทศไทย เพื่อทรงแก้ปัญหา โดยทรงยึดหลัก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”ด้วยอุปกรณ์ธรรมดาๆ ที่พระองค์ใช้ทรงงาน ได้แก่ แผนที่ วิทยุสื่อสาร ดินสอ และกล้องถ่ายรูป และภายในห้องนี้ยังนำวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ จัดแสดงให้ชมผ่าน “Shadow Animation” บนจอขนาดใหญ่ ซึ่งหากผู้ที่รับชมสนใจโครงการพระราชดำริโครงการไหน ก็สามารถชูมือให้เงาขึ้นที่หน้าจอ ตัวละครก็จะออกมาอธิบายความเป็นมาของโครงการพระราชดำรินั้น
ห้องที่ 6 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนบนดอยตุง” เมื่อครั้งที่สมเด็จย่ามีพระชนมายุ 87 พรรษา ทรงมีพระราชดำริริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุง เพื่อแก้ไขปัญหาของดินแดนที่เป็นส่วนหนึ่งของสามเหลี่ยมทองคำอย่างครบวงจร ด้วยการ “ปลูกป่า...ปลูกคน” ควบคู่กันไป เพื่อช่วยเหลือให้ชาวเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยทรงศึกษาจากโครงการในพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และทรงนำมาปรับใช้ที่ดอยตุง หรือเรียกว่าเป็นโครงการพัฒนาที่ “แม่เรียนจากลูก” จนทำให้ทุกวันนี้ทั้งคนและผืนป่าของดอยตุง ได้รับการพลิกฟื้นคืนสู่ชีวิตที่ดีและพอเพียง
ห้องที่ 7 “ห้องแห่งแรงบันดาลใจ”
ห้องสุดท้ายนี้แสดงถึงความใกล้ชิดและความผูกพันระหว่างสมาชิกราชสกุลมหิดลทั้ง 5 พระองค์ ซึ่งต่างเรียนรู้และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาแล้วปัญหาเล่า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่ประเทศชาติมากมาย
ก้าวแรกที่เข้าไปจะพบกับพระบรมฉายาลักษณ์ของราชสกุลมหิดลพร้อมภาพการทรงงานของทั้ง 5 พระองค์ เรียงต่อเป็นวงกลม ให้ความรู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งถึงแรงบันดาลใจที่ครอบครัวเล็กๆ นี้มีต่อกัน แต่ส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ให้กับคนไทยทั้งแผ่นดิน
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหอแห่งแรงบันดาลใจนี้ จะทิ้งคำถามและข้อคิดให้กับผู้ที่ได้รับชม ว่าทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ไปนั้นจะสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างไร เรียกว่าเป็น “หอแห่งแรงบันดาลใจ” ที่สร้างแรงบันดาลใจได้จริงๆ นั่นเอง
“หอแห่งแรงบันดาลใจ” ตั้งอยู่ที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เปิดให้เข้าทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานดอยตุง โทร. 0 5376 7015-17 สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2252 7114 ต่อ 212, 213 เว็บไซต์ www.doitung.org
จากนั้นไหน ๆ ก็เวลายังเหลือ ก่อนเข้าที่พัก ผมเลยคิดว่าไปเที่ยวที่ อุทยานศิลปะวัฒรธรรมแม่ฟ้าหลวง ต่อดีกว่า...วัยรุ่นพลังงานยังเหลือเฟือ)
อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หรือที่คนเชียงรายรู้จักในชื่อ “ไร่แม่ฟ้าหลวง” ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เดิมเป็นสถานที่ทำการของมูลนิธิส่งเสริมผลผลิตชาวเขาไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อหาตลาดให้งานหัตถกรรมที่เป็นศิลปะของชาวไทยภูเขา และดูแลไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง
สถานที่แห่งนี้เคยทำหน้าที่เสมือน “บ้าน” สำหรับผู้นำเยาวชนชาวเขาจากหมู่บ้านห่างไกลที่ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนได้ฝึกวิชาชีวิตจากการอยู่ร่วมกัน ก่อนจะเติบโตแยกย้ายกันไปพัฒนาหมู่บ้านของตนเอง ต่อมาโครงการนี้ได้สิ้นสุดลง เมื่อการศึกษาภาครัฐขยายเข้าไปในพื้นที่ห่างไกล เยาวชนจึงมีโอกาสเรียนในโรงเรียนใกล้หมู่บ้าน ไร่แม่ฟ้าหลวงจึงเปลี่ยนเป็น “อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง” เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมล้านนาของไทย
ปัจจุบัน อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ เปิดให้นักท่องเที่ยวชมงานพุทธศิลป์เก่าแก่ โบราณวัตถุอายุนับศตวรรษ ศิลปวัตถุรังสรรค์จากไม้สัก มีอาคารสถาปัตยกรรมล้านนาที่งดงามท่ามกลางความเขียวชอุ่ม ร่มรื่นของพรรณไม้ท้องถิ่นบนพื้นที่ ๑๕๐ ไร่ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงได้รับรางวัลกินรี จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประเภทรางวัลดีเด่นด้านแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๙ และได้รับประกาศนียบัตรการบริการยอดเยี่ยม (Certificate of Excellence) ประจำปี ๒๕๕๘ จาก TripAdvisor
หอคำ สถาปัตยกรรมล้านนาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัดปงสนุก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง รูปทรงอาคารสอบเข้าตามลักษณะเรือนล้านนาโบราณ หลังคาแป้นเกล็ดเป็นแผ่นไม้สักกว้างประมาณ ๔ นิ้ว วางซ้อนเหลื่อมแทนแผ่นกระเบื้อง ลวดลายประดับได้มาจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ช่างพื้นบ้านผู้ก่อสร้างจากจังหวัดเชียงรายและแพร่ ช่างแกะสลักจากเชียงใหม่และลำพูน ไม้นานาชนิดที่ใช้ก่อสร้างมาจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) รวมกับไม้จากบ้านเก่า ๓๒ หลังในจังหวัดเชียงราย ชาวเชียงร่วมใจสร้างหอคำแห่งนี้ถวายเป็นเครื่องไหว้สาแม่ฟ้าหลวง ในโอกาสที่สมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนีเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ (ค.ศ.๑๙๘๔)
หอแก้ว เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับไม้สัก และนิทรรศการชั่วคราวอื่นๆ ที่หมุนเวียนกันไป
นิทรรศการเกี่ยวกับไม้สักแสดงให้เห็นถึงความผูกพันอันแนบแน่นของชาวเหนือที่มีต่อไม้สักในหลายมิติ เป็นเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงงานศิลปะอันวิจิตรต่างๆ ที่นำมาใช้ในการพระศาสนา เริ่มจากตัวอาคารของวัดวาอาราม เครื่องตกแต่ง และเครื่องใช้ในพิธีกรรมต่างๆ จนถึงองค์พระพุทธรูป
“นิทรรศการภาพถ่ายหอคำ” ประกอบด้วยภาพหอคำและวิถีชีวิตในคุ้มหลวงของล้านนาโบราณซึ่งตามขบนธรรมเนียมในอดีต ถือได้ว่าหอคำเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองที่สำคัญ เป็นไปตามความเชื่อหลักศาสนา โหราศาสตร์ และมีความสำคัญต่อสังคม จากภาพถ่ายที่จัดแสดงจึงได้ปรากฏความเจริญของสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากการเมืองตลอดเวลา นิทรรศการเริ่มต้นด้วยรูปแบบโครงสร้างของหอคำที่ได้รับอิทธิพลศิลปะพม่าซึ่งได้แผ่ขยายไปทั่ว โดยจัดแสดงภาพหมู่พระมหามณเฑียรแห่งเมืองมัณฑเลย์ภาพถ่ายของหอคำในภาคเหนือของไทย อันประกอบไปด้วย หอคำเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน ข้ามแม่น้ำโขงไปยังลาวตอนบน จะพบหอคำหลวงพระบางและเมืองสิง จบลงด้วยภาพหอคำในเชียงตุง ยองห้วย และแสนหวีในรัฐแน ประเทศพม่า
สำนักงานกรุงเทพฯ
โทร. 02-252 7114
โทรสาร. 02-2541665
อีเมล์ tourism@doitung.org
ข้อมูลติดต่อ : เลขที่ 313 หมู่ 7 บ้านป่างิ้ว ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
อีเมล์ rmfl@doitung.org
โทร. 0-5371-1968, 053-716605-7, 053-601013 โทรสาร 053-712429
โฮมเพจ / เว็บไซต์ : www.maefahluang.org
เปิดบริการ : วันอังคาร - วันอาทิตย์ 08.30 น. - 17.00 น. (หยุดวันจันทร์)
คืนนี้ผมพักเอาแรงที่....
ใครที่ไปที่ในท์บาซ่า ก็ไม่ควรพลาด บัวลอยไข่หวานมือถือ เจ้าเก่าที่ขึ้นชื่อ (ที่คนชอบเรียก บัวลอยมือถือ ก็คือ ร้านนี้ใครซื้อกินก็ต้องถือยืนกินกันหน้าร้านเลยน่ะครับ..ฮ่า ๆ) ใครที่ไปแล้วไม่ได้กินไม่ได้ชมบอกเลยว่าคุณพลาดอย่าหนักเลย ร้านนี้น่าจะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมาก ๆ โดยเฉพาะชาวจีน แต่บอกเลยนะครับว่า ร้านนี้เค้าเปิด ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มเท่านั้นนะครับ.ใครมาหลัง 2 ทุ่ม รับรองว่าคุณช้า แล้วก็ต้องอดชิมแน่นอน
หลังจากที่ตื่นตอนเช้าแล้วใครที่สนใจเรื่อง ของใบชา ไทย ชอบกินชาร้อน หรือว่า อยากหาของฝากเป็นชา ผมแนะนำร้านนี้เลยครับ สุวิรุฬห์ ชาไทย
ที่ร้านสุวิรุฬห์ชาไทยมีชาดีดีมากมายให้คุณเลือกชิมเลือกซื้อ แถมยังมีของฝากอีกด้วย ต้องบอกเลยว่าเป็นร้านต้องห้ามพลาดอีกหลานหนึ่งกันเลย..ที่ร้านเค้าเปิดทุกวัน 08:00 - 18:00 น. ติดต่อสอบถามที่เบอร์ 053-712-007,086-9224008
หลังจากนอนพักอย่างเต็มอิ่มทั้งคืน ผมตื่นสาย ๆ มาทานอาหารเช้าของ โรงแรม แล้ววางแผนว่า หลังจากเช็คเอาท์ แล้ว เราจะไปเที่ยวที่ ขัวศิลปะ บ้างดีกว่า บางท่านไม่เคยมาสัมผัส อาจจะแค่เคยขับรถผ่านไป มาเท่านั้น....จริง ๆ แล้วอยากให้เพื่อนมาเที่ยวกันครับ นอกจากจะเป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะ ของศิลปะชาวเชียงราย แล้ว ด้านในยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร บรรยากาศดี น่าปล่อยอารมณ์ชมวิวริมทุ่งนาดีจริง ๆ ครับ
คำว่า “ขัว” เป็นภาษาเหนือ แปลว่า สะพาน เมื่อมารวมกับคำว่าศิลปะแล้ว “ขัวศิลปะ” จึงหมายถึง สะพานที่จะเชื่อมศิลปะสู่สังคม
ย้อนกลับไปถึงปี พ.ศ. 2532 กลุ่ม สล่าไตยวน เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของศิลปินเชียงราย ได้แสดงผลงานศิลปะร่วมกัน ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2546 กลุ่มศิลปินเชียงรายรวมตัวกันแสดงนิทรรศการศิลปะอีกครั้งเพื่อเทอดพระเกียรติในหลวง โดยใช้ชื่อนิทรรศการว่า “สล่าเชียงรายเฉลิมพระเกียรติในหลวง 75 พรรษา” ที่ศูนย์ศิลปหัตถกรรมเชียงราย และในปีถัดมา พ.ศ.2547 ศิลปินรวมตัวกันเรียกร้องการสร้างหอศิลปะร่วมสมัยบนเกาะกลางแม่น้ำกกที่เชียงราย โดยการจัดนิทรรศการศิลปะ “เชียงราย ศิลป์เพื่อหอศิลป์” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ และนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา กลุ่มศิลปินเชียงรายได้ก่อตั้งเป็นสมาคมศิลปินเชียงรายขึ้นเพื่อดำเนินงานทางด้านศิลปวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงรายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับที่นี่มีห้องการแสดงภาพอยู่สองชั้น
เรื่องราวของที่นี่เล่าสามวันก็ไม่หมด จึงแยากให้เพื่อน ๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ..
ที่นี่มีลานไว้สำหรับหรับจัดกิจกรรม ให้น้องๆนู๋ๆที่ชอบการวาดอีกด้วย สำหรับชั้นล่าง
ช่วงที่ไม่มีกิจกรรมอะไร ด้านหน้า ก็จะเป็นล๊อบบี้ ของ ขัวศิลปะ ครับ
มุมอ่านหนังสือเงียบ ๆ โปร่ง ๆ สบายดีครับ
แถมที่นี่ก็ยังมีของสวย ๆ ไว้จำหน่ายเป็นของฝาก ของที่ระลึกอีกด้วยนะครับ.ราคาก็ไม่แพง
เดินชมงานศิลปะ จนหิวแล้ว ที่นี่ก็มีร้านอาหาร บรรยายดี ริมทุ่งนา ให้นั่งทานอาหาร หรือเครื่องดื่ม ชิล ๆ ดีมากครับ จะเป็นชา กาแฟ ขนมหวาน อาหารตามสั่งมีให้เลือกมากมายครับ
อยากจะบอกว่า ศิลปะ สามารถอยู่และมีได้ทุกหนแห่ง..แม้กระทั่งในห้องน้ำชาย เรายังสามารถเสพงานศิลป์ได้อย่างสุนทรีย์เลยครับ
จากจังหวัดเชียงราย ขับโดยใช้ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ตรงไปทางแม่สาย
ขัวศิลปะจะอยู่ซ้ายมือติดถนนใหญ่ ก่อนจะถึงแม็คโครสาขาเชียงราย
ใช้บริการรถเมล์สีเขียวสายเชียงราย – แม่สาย โดยขึ้นที่สถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 (เก่า) ให้ลงที่ขัวศิลปะได้เลย โดยขัวศิลปะจะอยู่ซ้ายมือติดถนนใหญ่ ก่อนจะถึงแม็คโครสาขาเชียงราย
ถ้าใครมาเที่ยวเชียงราย ช่วงวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก แนะนำว่า ต้องไม่พลาดที่จะมาเที่ยวที่ไร่สิงห์ ครับ มีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย บอลลูนจากทั่วโลกหลายประเทศ ก็มาโชว์เต็มท้องฟ้าสวยงามมากครับ
หรือใครอยากจะนั่งชมวิวบนบอลลูน ก็ได้นะครับ ลองติดต่อ จนท.ดูได้เลย
ตอนเย็นที่ริมน้ำ มีการแข่งขันบอลลูน และการแสดง Light Glow ของเหล่าบรรดาบอลลูน รูปร่างต่าง ๆ มากมายด้วยครับ
และที่สำคัญ มีคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง หลายคน ให้เราชมฟรีทุกคืนด้วยครับ อาหาร เครื่องดื่ม รอบ ๆ งานน่ากิน เยอะแยะเลยครับ อากาศหนาว ๆ กินไป ฟังเพลงไป เพลินเลยล่ะครับ
จบทริปเที่ยวเชียงรายแบบง่าย ๆ มีสาระ ในอีกหนึ่งมุมมอง ที่อาจจไม่ค่อยเหมือนใครนะครับ....จ.เชียงราย ยังมีที่เที่ยวหลากหลายรูปแบบรอการมาสัมผัสจากเพื่อน ๆ ทุกท่านอยู่นะครับ......บายยยย...แล้วเจอกันใหม่ครับ