สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
วัดพระพุทธบาทมีชื่อเต็มๆว่า “วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร” ถือเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี หากท่านใดได้เข้ามาสระบุรีต้องแวะเข้าไปสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล เชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าเป็น 1 ใน 5 แห่งของโลก ซึ่งตามคติในลังกาทวีปมีความเชื่อว่า องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระพุทธบาทเพื่อให้สาธุชนเบื้องหลังได้สักการะบูชา ทั้ง 5 แห่งมีดังนี้ เขาสุวรรณมาลิก เขาสุวรรณบรรพต เขาสุมนกูฏ เมืองโยนกบุรี และหาดในลำน้ำนัมมทานที ซึ่ง 1 ใน 5 นั้นอยู่ที่เขาสุวรรณบรรพตในตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรีที่นี่นี้เอง
วัดพระพุทธบาทเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างเมื่อพ.ศ.2167 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โดยมีสถานที่สำคัญคือ “รอยพระพุทธบาท” ประทับไว้บนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต ลักษณะกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้วมีลายธรรมจักรอยู่กึ่งกลางพระบาท ปัจจุบันลาดลายต่างๆจะเห็นได้ไม่ชัดเจน
ความเป็นมาของการตามหารอยพระพุทธบาทมีอยู่ว่า ในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้มีการจัดส่งคณะสงฆ์ไปยังลังกาทวีปเพื่อนมัสการพระพุทธบาท ที่เขาสุมนกูฏเมื่อไปถึง พระสงฆ์ชาวลังกากลับทักท้วงว่า
“เหตุใดจึงต้องเดินทางมาถึงที่นี่ ทั้งที่ดินแดนไทยก็เป็นหนึ่งในห้าแห่งที่พบรอยพระพุทธบาท นั่นคือเขาสุวรรณบรรพต ขอให้กลับไปตรวจตราดู”
เมื่อความทราบถึงพระเจ้าทรงธรรม ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา จึงโปรดฯให้ทุกหัวเมืองตามหารอยพระพุทธบาทในทันที ต่อมาเจ้าเมืองสระบุรีมีหนังสือแจ้งไปยังเมืองหลวง ว่ามีพรานป่าได้พบกับรอยเท้าคนขนาดใหญ่ เมื่อทราบถึงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมพระองค์จึงเสด็จไปยังยอดเขานั้น และพบกับรอยเท้าขาดใหญ่ ทรงเห็นว่ารอยเท้านั้นมีลวดลายมงคลตรงกับที่พระสงฆ์ชาวลังกาได้กล่าวไว้ทุกประการ จึงทรงมีพระราชดำริว่า
“ชะรอยจะเป็นรอยพระพุทธบาทที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเคยประทับไว้แต่ครั้งพุทธกาลเมื่อคราวเสด็จมาเผยแพร่คำสอน จึงควรยกย่องสถาปนาให้เป็น พระมหาเจดียสถาน สำหรับสักการบูชาต่อไป”
จากนั้นพระองค์จึงโปรดฯ ให้สถาปนาบริเวณโดยรอบเขาสุวรรณบรรพตเป็นเมืองชื่อว่า เมืองปรันตปะ หรือเมืองพระพุทธบาท และยังมีการออกกฎข้อปฏิบัติ มีบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนสำหรับประชาชนในเขตเมือง มีการแต่งตั้งชายในเขตเมืองให้เป็น “ขุนโขลน” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาพระพุทธบาทตั้งแต่เชิงเขาจนถึงพระมณฑป จากข้อกำหนดต่างๆทำให้บริเวณแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไปโดยปริยาย
หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมได้พบรอยพระพุทธบาทแล้ว พระองค์ทรงโปรดฯให้สร้างพระมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ มีลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบ ผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพนม พุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูเป็นงานศิลปกรรมประดับมุข ส่วนทางขึ้นเป็นบันไดนาคสามสาย คือบันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร ส่วนภายนอกพระมณฑปจะมีระฆังแขวนเรียงรายโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถและพระวิหารต่างก็สร้างตามศิลปกรรมแบบสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระพุทธบาท (วิหารหลวง) เป็นที่รวบรวมศิลปวัตถุที่มีคุณค่า เช่น เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธโบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่า รวมไปถึงพัดยศของพระสมัยต่างๆ ซึ่งจะเปิดให้ชมเฉพาะเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ
ถือได้ว่าวัดพระพุทธบาทเป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันวัดถือเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ให้เราได้สักการะขอพรแล้วยังคอยบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้ได้ศึกษาค้นคว้าอีกด้วย
จัดทำโดย Muse Mobile