สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์คเป็นฟาร์มเลี้ยงโคนม ที่มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่แรกๆของเมืองไทย
ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนที่เป็นฟาร์ม กับโซนที่พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ตามประวัติแล้ว ที่นี่เปิดตั้งแต่ปีพ.ศ.2505 โดยการสนับสนุนของรัฐบาลเดนมาร์ค และมีการส่งคนมาดูแล โดยเมื่อ 16 มกราคม 2505 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช กับกษัตริย์ของประเทศเดนมาร์คในขณะนั้น ได้ร่วมพิธีเปิดอาคารฟาร์ม 1962 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ในปัจจุบัน จากจุดเริ่มต้นที่เป็นความร่วมมือ ทางรัฐบาลเดนมาร์คได้ส่งคนมาดำเนินงาน จัดการ ตลอดจนช่วยให้ความรู้ วางระบบเพื่อให้กิจการฟาร์มโคนมดำเนินอยู่ได้ จนกระทั่ง 9 ปีผ่านไป จึงได้มอบกิจการฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค ให้รัฐบาลไทยเป็นผู้บริหารต่อ นั่นจึงเป็นที่มาว่า ทำไมกิจการโคนม ที่ขึ้นกับรัฐบาล จึงมีคำว่าเดนมาร์คต่อท้ายอยู่ด้วย
เริ่มต้นเลี้ยงโคนม เมื่อได้นมสดแล้วนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์นมกล่อง นมถุง มีสัญลักษณ์วัวแดง จากฟาร์มเลี้ยงโค มีเพิ่มโซนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่น่าสนใจ ชมวิวทิวทัศน์ เนื่องจากฝั่งท่องเที่ยวก็เคยเป็นฟาร์มมาก่อน จึงมีพื้นที่กว้างขวาง ทั้งสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่มีความร่มรื่น อีกทั้งบ่อน้ำ ที่ทำศาลาให้นั่ง นักท่องเที่ยวสามารถไปนั่งชมวิว สูดอากาศดีๆ ได้
อาคารสำนักงานของที่นี่ เห็นชัดเจนแต่ไกลด้วยหลังคาสีแดงโดดเด่น มีจัดไม้ประดับ ประติมากรรมโคคู่แม่ลูก เหมือนแหล่งท่องเที่ยว และเป็นจุดจำหน่ายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม นมสดทุกประเภท ไอศครีม และที่สำคัญราคาแสนถูกกว่าด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด ได้ เพลิดเพลินผจญภัยหาตาน้ำผุด ให้อาหารปลาคาร์บ ถือว่า ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์คแห่งนี้ เป็นกิจกรรมสำหรับการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างแท้จริง ได้นั่งรถรางชมฟาร์มโดยมีวิทยากรบรรยายอย่างใกล้ชิด สามารถร่วมเรียนรู้ ทำกิจกรรม ลองรีดนมแม่วัวด้วยมือและเมื่อได้น้ำนม ใส่ขวดไปป้อนให้ทารกลูกวัวที่เพิ่งคลอดได้ไม่นานอีกด้วย เป็นประสบการณ์ที่ทุกคนได้ลองทำจริง ด้วยพื้นที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลมากการเดินให้ทั่วจะเหนื่อยล้าและมีอากาศค่อนข้างร้อน ที่นี่มีบริการรถชมฟาร์ม แต่จะเปิดเป็นรอบๆ
ชมการแสดง มีการแสดงการจับวัวด้วยบ่วงบาศโดยนายโคบาล สาธิตการขี่ม้า มีการให้อาหารม้า แต่ถ้าใครอยากขี่ม้าก็ได้ เสียค่าบริการนิดหน่อย แต่ถ้าอยากชมหรือร่วมกิจกรรมแบบครบวงจร จะร่วมกิจกรรม นั่งรถไฟ ดื่มนม ชมฟาร์ม ตามรอยเท้าพ่อ ที่มีค่าบริการแบบเหมา 249 บาท ไม่รวมค่ารถไฟ แล้วขึ้นรถไฟตามที่ทางฟาร์มกำหนดก็สะดวกดี แต่ควรติดต่อกับทางฟาร์มก่อนว่าจัดวันไหนบ้าง ปัจจุบันการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ที่เรียนรู้จากประสบการณ์จริงกำลังเป็นที่นิยม ใครอยากลองเรียนรู้รูปแบบใหม่ได้ประสบการณ์ดีๆกลับบ้าน ที่นี่เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆที่หน้าสนใจทีเดียว
จัดทำโดย Muse Mobile