สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ประเพณีไหลเรือไฟ บางทีเรียกว่า “ลอยเรือไฟ” หรือ “ล่องเรือไฟ “หรือ “ปล่อยเรือไฟ” เป็น พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่นิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 (วันออกพรรษา) โดยเฉพาะท้องถิ่นที่มีชัยภูมิเหมาะสม คือ มีแม่น้ำหรือลำน้ำ เท่าที่ปรากฏจะมีแนวทางที่คล้ายกันและอยู่บนพื้นฐานความเชื่อต่าง ๆ อาทิ ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาท ความเชื่อเกี่ยวกับการบวงสรวงพระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ ความเชื่อเกี่ยวกับการขอฝน ความเชื่อในการเอาไฟเผาความทุกข์ ความเชื่อเกี่ยวกับการขอขมาและระลึกถึงพระคุณพระแม่คงคา เป็นต้น เรือไฟในสมัยโบราณนั้นมีรูปแบบที่เรียบง่าย โดยทำจากต้นกล้วยและลำไม้ไผ่ที่หาได้มาจัดทำเป็นโครงเรือไฟง่าย ๆ พอที่จะทำให้ลอยน้ำได้ การประดับตกแต่งเรือไฟภายในเรือไฟจะประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ตะเกียง ขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสว ก่อนจะปล่อยเรือไฟลงกลางลำน้ำ ปัจจุบันได้จัดทำเรือไฟรูปแบบต่างๆ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ประกอบในการจัดทำ และประดับตกแต่งให้วิจิตรตระการตามากยิ่งขึ้น เมื่อปล่อยเรือไฟเหล่านี้ลงกลางลำน้ำภายหลังการจุดไฟให้ลุกโชติช่วง แล้วจะเป็นภาพที่งดงามและติดตาตรึงใจตลอดไป
สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์ งานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติและพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ ได้เริ่มครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2541 สมัยนายสมชาย หถยะสันติ นายอำเภอตรอนในขณะนั้น ได้มีความคิดว่าอำเภอตรอนยังไม่มีประเพณีใหญ่ที่จัดได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวได้ อีกทั้งอำเภอตรอน มีพื้นที่ในการทำนาและพืชผลไม้ต่างๆ มากมายจึงรวมกับหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้จัดให้มีประเพณีไหลแพไฟขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วโรกาส ทรงมีพระชนมพรรษาขึ้น 6 รอบ โดยครั้งแรกมีเพียงแพรูปจำลองเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และแพประกอบแรก หนึ่งแพเท่านั้นปรากฏว่า ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีผู้ชมในจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียงมาชมกันเป็นจำนวนมาก ในปีพ.ศ.2542 นายเรื่องเดช จอมสืบ นายอำเภอตรอนคนใหม่จึงได้กำหนดให้เป็นประเพณีของอำเภอตรอน ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และเป็นการเฉลิมฉลองในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา และได้เพิ่มชื่องานประเพณีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำอีกด้วย เมื่อมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งประกอบไปด้วย องค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 2แห่ง จัดทำแพไฟฟ้ารวมขบวน 7แพ ทำให้ประเพณีไหลแพไฟของอำเภอตรอน ยิ่งใหญ่ อลังการสมพระเกียติการเฉลิมพระเกียติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอย่างยิ่ง
ในอดีต การไหลแพไฟจะเริ่มทำพิธีส่งแพที่ท่าน้ำวัดวังแดง หมู่ 3 ตำบลวังแดง ล่องตามลำน้ำน่านถึงท่าน้ำวัดสองแคว ตำบลหาดสองแคว ระยะทางประมาณ 10กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงระหว่างทางจะมีการต้อนรับริม 2 ฝั่งแม่น้ำมีประชาชนอยู่ตามจุดชมแพตลอดทางประกอบพิธีถวายพระพร พระสงฆ์เจริญชัยมงคล ย่ำฆ้องกลอง จุดพลุประดับไฟตระเกียรติ 2 ข้างทางและบนถนนทุกสาย ในปัจจุบันงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติและพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ ได้จัดให้มีขึ้นทั้งหมด 3 วัน 3 คืนโดยในวันที่ 3 ธันวาคม จะเป็นพิธีการเปิดและฉลองการลองไฟ ณ ท่าน้ำวัดวังแดง หมู่ 3 ตำบลวังแดง อำเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์พร้อมกันนี้ ทางตำบลวังแดงได้จัดงานฉลองสมโภชเรือ ชมการแสดงของนักเรียนตำบลวังแดง การออกร้านค้าชุมชนจัดนิทรรศการชมผลิตภัณฑ์ OTOP การประกวดนักร้อง การละเล่น มหรสพ มวยไทย ลิเก รำวงย้อนยุค นับว่าเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างดีในค่ำคืนวันที่ 4 ธันวาคม ขบวนเรือจะแล่นตามลำน้ำน่านถึงบริเวณร้านริมน้ำน่านบ้านแก่ง ตำบลบ้านแก่งและในคืนสุดท้ายขบวนเรือจะมาถึงบริเวณวัดหาดสองแคว เพื่อทำการเฉลิมฉลองขบวนเรือไหลแพไฟพร้อมการแสดงแสงสีเสียงพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำพิธีตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของสายน้ำที่มีคุณอันยิ่งใหญ่หลวงต่อชาวอำเภอตรอน