คำแนะนำการใช้งาน
ขยายขนาดตัวอักษร
เพิ่มระยะห่างตัวอักษร
เพิ่มขนาดลูกศรชี้
ตำแหน่ง
เส้นช่วยในการอ่าน
เน้นการเชื่อมโยง
ปรับชุดสี
เปิดการใช้งาน
ปิดการใช้งาน
Instructions for use
เริ่มต้นใช้งาน
Text Size

การขยายขนาดตัวอักษร

สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน

Text Spacing

การเพิ่มระยะห่างตัวอักษร

การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

Large Cursor

การเพิ่มขนาดลูกศรชี้ตำแหน่ง

ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%


Reading Guide

เส้นช่วยในการอ่าน

จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น

Highlight Links

เน้นการเชื่อมโยง

ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Change Color

เลือกปรับชุดสี

สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน

Back

เมืองลับแล

ลับแล เมืองลี้ลับในตำนาน

               ตั้งแต่เด็กจนโตมาในจังหวัดอุตรดิตถ์ จะได้ยินคำเล่าขานเกี่ยวกับเมืองลับแลมาตลอด ถึงแม้ว่าตัวผู้เขียนเองจะไม่ใช่คนในพื้นที่เมืองลับแลโดยตรง แต่หากจะให้เล่าถึงเรื่องราวแล้วนั้นทุกคนในจังหวัดย่อมรู้ดี เพราะเมืองลับแลเป็นทั้งเมืองที่มีตำนานและปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์

                เมืองลับแลนี้ ได้ชื่อลับแลเพราะเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ การที่จะเดินทางไปมาไม่สะดวก มีเส้นทางที่คดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น แต่ในอีกการเล่าขานหนึ่งก็คือ ในสมัยก่อนนั้น มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีบรรยากาศเยือกเย็นแม้ยามพลบค่ำตะวันจะยังไม่ตกดินก็จะมืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤๅษีเป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ป่านี้จึงได้ชื่อว่า "ป่าลับแลง" แลง ที่แปลว่า เวลาเย็น ต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น "ลับแล" ซึ่งก็กลายมาเป็นชื่ออำเภอลับแลในสมัยปัจจุบัน

 

             ในเมืองลับแลนี้เอง ก็จะมีคำประจำที่ได้ยินติดหูกันว่า เมืองลับแลเขตห้ามพูดโกหก คำกล่าวนี้มีที่มาจาก ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีครั้งหนึ่งหนุ่มเมืองทุ่งยั้ง เดินทางหลงไปในป่าเมืองลับแล แล้วไปพบสาวงามมาแอบซ่อนของไว้ ชายหนุ่มจึงแอบขโมยของนั้นมาและใช้เล่ห์กล จนสาวหลงเชื่อพาเข้าไปอยู่กินเป็นสามีในเมืองลับแล ชายหนุ่มได้เห็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และมีแต่สาวสวย ด้วยเหตุนี้เมืองลับแลจึงเป็นเมืองลี้ลับคนภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ และชาวเมืองลับแลจะยึดมั่นในศีลธรรมอันดีงาม เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ไม่มีการพูดโกหกหรือหลอกลวงกัน
           อยู่มาวันหนึ่งชายหนุ่มกับหญิงสาวมีลูกด้วยกัน แต่หญิงสาวออกไปทำธุระนอกบ้าน ชายผู้นี้อยู่กับลูกแต่เด็กร้องไห้ งอแงอยากหาแม่ จนชายผู้นี้พูดโกหกลูกว่า แม่มาแล้ว หวังจะให้เด็กหยุดร้องไห้ แต่ชาวบ้านได้ยินเข้าว่าหนุ่มผู้นี้พูดคำโกหก จึงขับไล่ออกจากหมู่บ้าน หญิงสาวสงสารไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่เก็บของใส่ย่ามให้โดยบอกว่าห้ามเปิดดูก่อนถึงบ้าน ระหว่างทางชายผู้นี้ได้เปิดดูก่อนเห็นว่าเป็นขมิ้น จึงหยิบทิ้งไปตามทางเพราะหนัก แต่พอถึงบ้านเหลือขมิ้นติดย่ามอยู่นิดหน่อยพอเปิดออกดูพบว่าเป็นทองคำ หวังจะกลับไปเก็บตามทางแต่ก็ไม่พบแล้วทั้งทองคำและทางเข้าเมืองลับแล

           ภาพด้านบนเป็นประติมากรรมแม่ม่ายเมืองลับแล เป็นรูปปั้นของหญิงสาวยืนอุ้มลูกน้อยสีหน้าเศร้า ซึ่งข้างๆ ก็มีสามีนั่งคอตกในมือถือถุงย่ามใส่ขมิ้นกำลังจะเดินทางออกจากเมืองลับแล ที่บริเวณฐานรองรับรูปปั้นจะมีข้อความว่า ขอเพียงสัจจะวาจา” ตั้งอยู่บริเวณประตูเมืองลับแลแสดงถึงตํานานเล่าขานของเมืองลับแลอันเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน ในปัจจุบันเมืองลับแลนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน ตลอดจนอาหารผลไม้ที่หลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นอำเภอท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์เลยทีเดียว

73,490 views

0

share

Museum in Uttaradit

02 July 2019
4,213
605
02 July 2019
6,667
650
02 July 2019
6,496
659
02 July 2019
4,511
618
02 July 2019
8,732
656
02 October 2019
5,613
204
10 October 2019
4,165
626
02 July 2019
8,701
366