สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
เมื่อให้เราลองย้อนนึกถึงย่านเก่าๆของกรุงเทพมหานคร เราคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่นึกถึง'ย่านสามแพร่ง' ย่านเก่าแก่อีกหนึ่งย่านที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่งดงามอีกย่านหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดตามกาลเวลาและยุคสมัย
ย่านสามแพร่ง ตั้งอยู่ที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยพื้นที่รวมของชุมชนมีเนื้อที่ประมาณ 42 ไร่ ทิศเหนือ ติดกับถนนศิริอำมาตย์ ทิศใต้ ติดกับถนนบำรุงเมือง ทิศตะวันตก ติดกับถนนอัษฎางค์และคลองคูเมืองเดิม ทิศตะวันออก ติดกับถนนตะนาว
โดยพื้นหลังของย่านสามแพร่งนี้ ในอดีตเคยเป็นวังที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ อันประกอบไปด้วย
'แพร่งนารา' หรือในอดีตคือ 'วังวรวรรณ' ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ต่อมาได้มีการเวียนคืนที่ดิน ซึ่งปัจจุบันคงเหลือเพียงพระตำหนักไม้เก่าหลังเล็ก ที่แต่เดิมเป็นที่ตั้งของโรงละครปรีดาลัย ซึ่งต่อมาถูกปรับให้เป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา ซึ่งชื่อแพร่งนรานี้เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียกตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ผู้เป็นเจ้าของวังเดิมนั้นเอง
'แพรงภูธร' หรือในอดีตคือ 'วังสะพานช้างโรงสี' ซึ่งเจ้านายพระองค์สุดท้ายที่ประทับในวังคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ต่อมาเมื่อกรมหมื่นภูธเรศฯได้สิ้นพระชนม์ลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดฯ ให้แบ่งพื้นที่ทำเป็นตึกแถวซึ่งยังคงรักษาสถาปัตยกรรมอันเดิมไว้ แล้วพระราชทานชื่อถนนย่านนั้นว่า แพร่งภูธร ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ภาพของแนวตึกแถวเก่าที่เรียงรายระหว่างสองฝากข้างถนนของซอย มันคือความคลาสสิกที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ สุขุมาลอนามัย ที่เปิดทำการเมื่อปี พ.ศ. 2471 โดยพระดำริของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี เพื่อให้เป็นสถานีอนามัย ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นที่รักษาพยาบาลของคนในชุมชนอยู่
'แพร่งสรรพศาสตร์' หรือในอดีตคือ 'วังสรรพสาตรศุภกิจ' ซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ซึ่งภายหลังได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด ทำให้วังสรรพศาสตร์ศุภกิจ ในปัจจุบันเหลือเพียงซุ้มประตูวังเก่าที่ยังคงความสวยงามให้คนรุ่นหลังได้ชม
นี่แหละครับคือที่มาคร่าวๆของ'ย่านสามแพร่ง'
นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมที่ยังคงความงดงามแล้วทุกวันนี้สามแพร่งยังเป็นย่านพาณิชย์ที่มีการจัดจำหน่ายอุปกรณ์สนามของข้าราชการทหาร-ตำรวจที่หลากหลายมากที่สุดในกรุงเทพมหานครอีกย่านหนึ่ง ตลอดจนมีกิจการการค้าที่ยังคงแสดงถึงความร่วมสมัยมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ซึ่งมีชื่อมากด้านความอร่อย โดยย่านสามแพร่งนี้มีร้านรวงที่มีชื่อโด่งดังหลายต่อหลายเจ้าล้วนมีประวัติและตำนานความอร่อยที่สืบทอดมากันแต่ยาวนาน ย่านสามแพร่งนี้จึงถือว่าเป็นหนึ่งใน'ย่านคลาสสิก'แห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว
แม้นว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่สถาปัตยกรรมและความงามของจิตใจย่านสามแพร่งยังคงอยู่
๐ ถิ่นแพร่งเก่าแต่ครั้น โบราณ
แม้นว่าเวลากาล ผ่านพ้น
สถาปัตย์ตึกราม คงอยู่
รสเลิศหรูมากล้น เลิศล้วน คาวหวาน
๐ ถิ่นสามแพร่งแห่งนี้ ร่วมสมัย
เขตขัณฑ์วังวงศ์ไทย แซ่ซ้อง
หากได้เที่ยวรื่นไป คงเสพ ความสุนทรีย์
หลงเสน่ห์มนต์ต้อง สุขล้น ชื่นใจ
เรียบเรียงบทความโดย : นายภูริช วรรธโนรมณ์ นักศึกษาภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ