สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ต้นพระศรีมหาโพธิ์โบราณ
ต้นพระศรีมหาโพธิ์วัดคุ้งตะเภา หรือต้นโพธิ์ใหญ่ที่เคยยืนต้นอยู่หลังศาลาการเปรียญวัดคุ้งตะเภาหลังเก่าก่อนบูรณะต้นนี้ มีโคนต้นใหญ่และกว้างมาก บ่งบอกถึงความเก่าแก่ได้เป็นอย่างดี ต้นโพธิ์ต้นนี้จะเรียกว่าเป็นต้นโพธิ์คู่มากับวัดเลยก็ว่าได้ เพราะมีอายุนานมาก เพราะขนาดคนเถ้าคนแก่ยังเล่าว่าสมัยที่ท่านนั้นยังเด็ก ๆ อยู่ ต้นโพธิ์ก็ใหญ่เท่านี้ ผ่านไป ๙๐ กว่าปี มันก็ยังเท่านี้ ไม่ใหญ่กว่าเดิมไปไหน
เรียกได้ว่าต้นโพธิ์ต้นนี้อยู่มานานมาก ความจริงต้นโพธิ์นั้นจะไม่โตสูงมากไปกว่านี้ ( ๑๐-๑๒ เมตร ) พอโตจนสุดแล้วจะขยายโคนออก แต่โคนต้นโพธิ์ต้นนี้ใหญ่เอามาก ๆ กว้างเกือบ ๗ เมตร ถ้าคนโอบตรงโคนต้นก็ต้องใช้คนประมาณ ๙ คนขึ้นไปอย่างต่ำ ซึ่งนับว่าใหญ่มากไม่เคยปรากฏมาก่อน อายุก็น่าจะมากกว่าร้อยปีขึ้นไปแน่ ๆ ขนาดศาลาการเปรียญที่รื้อมาสร้างใหม่เมื่อ ๘๐ กว่าปีก่อน ท่านยังกะตัวศาลาให้ตรงกับต้นโพธิ์นี้เลย
สมัยก่อนชาวบ้านคุ้งตะเภายังไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรบูชาก็เห็นจะ มีต้นโพธิ์ต้นนี้แหละที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน
ถ้าจะว่าไปโพธิ์ต้นนี้ก็คล้าย ๆ เป็นเจดีย์อย่างหนึ่งในวัด เรียกว่าโพธิเจดีย์ ( ต้นไม้ก็เป็นเจดีย์ได้เหมือนกัน ) แต่ก่อนมีประเพณีนำไม้มาค้ำต้นโพธิ์ เอาด้ายมาพันรอบไม้หรือเอาผ้าผูกพันเป็นสีต่าง ๆ มา “วาง” ไว้รอบโคนต้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ( วางพอเป็นพิธีจริง ๆ เพราะต้นใหญ่มาก กิ่งก็ใหญ่ ถ้าจะให้เอาไม้ซี่เล็ก ๆ ไป “ค้ำ” ไว้ก็เห็นจะไม่ไหว ) บางคนก็นำมาแก้บนบ้าง พอนานไปมีการสร้างโบสถ์ มีพระพุทธรูป ก็คงจะเลิกไปไม่เห็นใครนำไม้มาวางไว้ตรงต้นโพธิ์อีก จะมีก็คงจะเป็นพวกสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาบ้างประปราย แต่น้อยเต็มที จะมีก็แต่พวกพระพุทธรูปไร้เศียร นำมาทิ้งไว้ตามซอกตามหลืบโพธิ์ ดู ๆ ไปก็ขลังดี น่ากลัวด้วย
ดวงไฟประหลาด
คนเฒ่าคนแก่มักจะเล่าให้ลูกหลานฟังว่า สมัยก่อน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ มักจะมีคนพบดวงไฟประหลาดลอยออกจากโพธิ์ต้นนี้ไปบนท้องฟ้าอยู่เนือง ๆ ซึ่งก็นับว่าน่าอัศจรรย์ โพธิ์ต้นนี้อาจจะมีอะไรดีอยู่ก็เป็นได้ อาจจะเป็นเทวดาอารักษ์ ไม่ก็พระบรมสารีริกธาตุเจ้าสถิตอยู่ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีผู้ใดพบดวงไฟประหลาดอีกแล้ว
ผีต้นโพธิ์
ในอดีตบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์วัดคุ้งตะเภานั้น เป็นสถานที่ๆมิค่อยจะมีใครย่างกรายเข้าไปนัก ทั้งด้วยความรกชัฏและกิตติศัพท์ในเรื่องผีดุ
เมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๙ มีการรานกิ่งโพธิ์ออก ปรากฎว่าคนที่ขึ้นไปรานกิ่งเกิดเสียหลักจะตกลงมาจากกิ่งโพธิ์ แต่ปรากฏอัศจรรย์มีมือมารั้งคนนั้นไว้ทำให้ไม่ตกลงมา ซึ่งถ้าตกลงมาจริงก็คงจะต้องมีสาหัสกันแน่แท้ การณ์ก็ปรากฏว่าเป็นที่เล่าลือกันไปทั่วว่าต้นโพธิ์นี้มี "ของดี" อยู่ กอปรกับมีคนมาบอกว่ามีเจ้าแม่ต้นโพธิ์ไปเข้าฝันบอกเลข อยู่แล้วก็ปรากฏว่า ออกตามนั้น รวยกันเป็นหลักแสน ถึงขั้นมีลิเก ผ้าป่าฉลองกันให้เอิกเริก
ชาวบ้านเรียกขาน "ของดี" ในต้นโพธิ์นี้ว่า "เจ้าแม่โพธิ์เขียว" เพราะมีคนมาบอกว่าเจ้าแม่ไปเข้าฝัน บอกให้สร้างศาลให้และให้ทำป้ายติดหน้าศาลทาสีเขียวซะด้วย ชาวบ้านก็เลยลงมติแต่งตั้ง "ของดี" ในต้นโพธิ์นี้ว่า "เจ้าแม่โพธิ์เขียว" มาตั้งแต่นั้น เจ้าแม่โพธิ์เขียวก็เลยมีศาลอยู่เป็นหลักแหล่ง และกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านตลอดมา
โค่นโพธิ์
มาต้นปี ๒๕๕๐ ทางวัดได้ทำการก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ กอปรกับท่านไวยาวัจกร พ.อ.สิงหนาท โพธิ์กล่ำ ต้องการพื้นที่เพิ่มเพื่อประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ของทางวัดและชุมชน ก็เลยจัดการ "ถอน" ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้เสีย เมื่อ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๑๕.๕๙ น. (ที่ีลง ๕๙ นาทีพอดีนี้เป็นเวลาจริงที่โพธิ์ล้ม เพราะมิได้กำหนดฤกษ์ยามแต่ประการใดไว้)
นับว่าดีที่ว่าไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น เพราะการถอนโพธิ์ล้มเจดีย์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาเสียมาก วัดอื่นก็เคยมีคนถอนโพธิ์เหมือนกัน ถึงขั้นตกโพธิ์ลงมาตายคาที่ก็มีมาแล้ว ถึงขั้นพระคุณเจ้าขึ้นไปลงมือเองก็ถึงขนาดสาหัสถึงขั้นพิการมาก็มี ทั้ง ๆ ที่โพธิ์ก็ต้นไม่ใหญ่เท่าของวัดคุ้งตะเภาเลยซักที่ จึงนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีนักที่ไม่มีใครเป็นอะไร แต่กลับมี "ของดี" มาอำนวยความปลอดภัยให้อีก ชาวบ้านจึงนับถือเจ้าแม่โพธิ์เขียวในเรื่องความเมตตาอีกโสตหนึ่งด้วย
ขอบคุณภาพและเนื้อหา จาก
วัดคุ้งตะเภา
https://th.wikisource.org