สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ประเพณีทําบุญกลางบ้าน
ประเพณีทำบุญกลางบ้าน บ้านคุ้งตะเภาในปัจจุบันนั้น คล้ายคลึงกับหมู่บ้านในแถบภาคกลางทั่วไป แต่มีการปรับประยุกต์ขั้นตอนบางอย่างให้สะดวกขึ้น โดยประเพณีทำบุญกลางบ้านนี้ชาวบ้านคุ้งตะเภาจะแยกจัดพิธีเป็นสองครั้งคือ ในต้นเดือน ๓ จัดพิธีทำบุญกลางบ้านที่บ้านคุ้งตะเภาฝั่งตะวันตก (บ้านใต้) และปลายเดือน จัดพิธีทำบุญกลางบ้านที่บ้านคุ้งตะเภาฝั่งตะวันออก (บ้านเหนือ) โดยมีบริเวณในการจัดแน่นอน โดยบ้านเหนือจัดที่ทางสามแพร่งเหนือหมู่บ้าน ส่วนบ้านใต้จัดที่ลานข้าวกลุ่มเกษตรกรทำนาคุ้งตะเภา โดยชาวบ้านจะเป็นผู้ร่วมกันกำหนดวันทำบุญ
ขั้นตอนในการประกอบพิธีทำบุญกลางบ้าน ส่วนหนึ่งที่สำคัญยิ่งในพิธี ที่เป็นคติโบราณที่สืบทอดมายาวนานนับกว่า ๗๐๐ ปี นับแต่สมัยสุโขทัย คือพิธีเสียกระบาน เริ่มจากชาวบ้านเตรียมทำกระทงกระบาน เพื่อทำพิธีเสียกระบาน โดยชาวบ้านจะเอากาบกล้วยมาทำเป็นกระทงกระบาน โดยมีความเชื่อมาแต่โบราณว่า หากงานบุญกลางบ้านกำหนดทำในวันข้างขึ้น ให้ทำเป็น "กระบานสี่" (สี่เหลี่ยม) แต่หากเป็นวันข้างแรม ให้ทำเป็น "กระบานสาม" (สามเหลี่ยม) ปักธงกบิล ๔ ทิศ โดยใส่ข้าวพล่า ปลายำ หมากพลู พริกแห้ง เกลือ หัว หอม ข้าวสาร ปักธูปลงในกระทงกระบาน ใส่สตางค์ และใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปคนเท่าจำนวนคนในบ้านรวมไปถึงวัวกระบือ ไก่หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ใส่เสื้อผ้าให้รูปคน ใส่ลงไปในกระทงกระบาน ด้วย เรียกว่า ตุ๊กตาเสียกระบาน (หมายถึง เสียตุ๊กตาไปกับกระทงกระบาน เพราะคติของชาวบ้านคุ้งตะเภาไม่ได้ทุบหัวตุ๊กตาแต่อย่างใด) โดยปั้นจากดินให้เป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ เลียนแบบท่าทางของคน มีทั้งดินเหนียวดินเผา เพื่อให้มารับเคราะห์แทนตัว เป็นการสะเดาะเคราะห์
วันจัดงานทำบุญกลางบ้านชาวบ้านจะถือกระทงกระบานนำไปวางไว้บริเวณปรำพิธีซึ่งตั้งอยู่ บริเวณพระพุทธรูป โดยจะมีการก่อเจดีย์ทรายปักธงบนยอดเจดีย์ (กลางบ้าน) และประดับด้วยใบมะพร้าว ธงกบิลฯลฯ พร้อมกับทำกำแพงล้อมทั้ง 4 ทิศ พร้อมกับนิมนต์พระสงฆ์จากวัดคุ้งตะเภามาเจริญพระพุทธมนต์พระปริตรในเวลาเย็น ในระหว่างพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อพระสวดจบบทหนึ่งก็จะมีการตีฆ้อง 3 ครั้ง ครั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบในช่วงค่ำ พระสงฆ์จะสวดบท สุมงฺคลคาถา (สุนกฺขตฺตํ สุมงฺคลํ) และชาวบ้านก็จะจุดธูปเทียนในกระทงกระบานและเดินไปวางกระทงกระบานไว้บนบกที่ ริมฝั่งแม่น้ำน่านพร้อมกัน (เดิมบุญกลางบ้านเหนือเดินไปวางที่แม่น้ำน่านเหมือนบุญกลางบ้านใต้) โดยก่อนวางจะกล่าวคำขอขมาลาโทษ บอกเล่าเจ้าที่เจ้าทาง ผีสางเทวดา ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้มารับเครื่องเซ่น เพื่อเป็นการปล่อยเคราะห์ปล่อยโศกให้หมดไป จากนั้นจึงมีการละเล่นต่าง ๆ ในเวลากลางคืน ในวันที่สองจะนิมนต์พระสงฆ์มาฉันภัตตาหารเช้าถวายจตุปัจจัย จึงเป็นอันเสร็จพิธี
คติความเชื่อของประเพณีนี้มาจากการผสานความเชื่อเรื่องผีของคนโบราณ โดยมีหลักฐานความเชื่อเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เข้ากับความเชื่อทางพุทธศาสนา มาจากคติความเชื่อเรื่องผีในการขอบคุณผีที่ประทานความอุดมสมบูรณ์จนสามารถ เก็บเกี่ยวได้ และเป็นการสะเดาะห์เคราะห์คนในหมู่บ้านทั้งหมด และสอดคล้องกับวิถีชีวิตทางเกษตรกรรมของคนในชุมชน โดยประสานกับคติทางพุทธศาสนาเถรวาท ด้วยการจัดให้มีการทำบุญเพื่อเป็นอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและเสริมสวัส ดิมงคลความอุดมสมบูรณ์ของคนในหมู่บ้านหลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งประเพณีนี้เป็นประเพณีที่แปลกกว่าประเพณีอื่น ๆ โดยจัดนอกวัด ชาวบ้านจะเลือกเอาสถานที่จัดบริเวณลานกว้างในหมู่บ้าน เพื่อเป็นการชุมนุมชาวหมู่บ้านมาร่วมจัดงานด้วยกัน เป็นการไต่ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน โดยมีการก่อพระเจดีย์ทรายไว้เป็นเครื่องหมาย ซึ่งคติการก่อเจดีย์ทรายไว้กลางหมู่บ้านนี้มาจากเรื่องราวในธรรมบทเพื่อเป็น การสร้างกุศลก่อเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชาร่วมกัน และมีการทำกระทงกระบานใส่ดินปั้นผู้อาศัยในครัวเรือนของตน ๆ ไปวางไว้ตามทางสามแพร่งเพื่อสะเดาะห์เคราะห์ ซึ่งเป็นอุบายของคนโบราณในการสำรวจประชากรและสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านคุ้งตะเภาได้อย่างดียิ่ง
ขอบคุณภาพและเนื้อหา จาก
สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
Facebook.com/วัดคุ้งตะเภา