จังหวัดสิงห์บุรีเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกลำดับต้นๆ ในการเดินทางตระเวนท่องเที่ยวตามเส้นทางประวัติศาสตร์  ชมธรรมชาติ ไหว้พระ ทำบุญเสริมบารมี ชโลมจิตใจให้สุขสงบ หรือการลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นของบรรดานักชิมทั้งหลาย การได้ใช้เวลาในวันหยุดกับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว ในบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี ลำน้ำสายใหญ่ และสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ ก็ถือได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ควรค่าให้มาลองเป็นอย่างยิ่ง  นอกจากนี้จังหวัดสิงห์บุรียังมีพระพุทธรูปใหญ่ที่มีความสวยงามและศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายองค์  เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวสิงห์บุรีได้อย่างชัดเจน และอาจจะเป็นจังหวัดที่มีพระพุทธรูปใหญ่จำนวนมากที่สุดในประเทศไทยแล้วก็เป็นได้ แต่ละองค์ก็มีลักษณะและประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกันออกไป พอจะรวบรวมมานำเสนอได้ดังนี้

     พระพุทธสุวรรณ มงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปประทานพร ศิลปะสมัยสุโขทัย องค์ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตักกว้าง ๑๑ วา ๒ ศอก ๗ นิ้ว สูง ๒๑ วา ๓ คืบ ๑๑ นิ้ว ประดิษฐานอยู่ที่วัดพิกุลทอง พระอารามหลวงริมฝั่งแม่น้ำน้อย อำเภอท่าช้าง ห่างจากตัวจังหวัดสิงห์บุรีประมาณ 17 กิโลเมตร ได้รับพระราชทานนามว่าพระพุทธสุวรรณ มงคลมหามุนี จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ( ในหลวงรัชกาลที่ 9 ) ดำเนินการจัดสร้างโดยพระเทพสิงหบุราจารย์ หรือหลวงพ่อแพ เกจิชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง

     พระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคล (พระสิงห์ใหญ่) ประดิษฐานอยู่ที่วัดม่วงชุม ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (พระเจ้าปราบมาร) ศิลปะสมัยเชียงแสน องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สีทองอร่าม ขนาดหน้าตักกว้าง 20 เมตร สูง 37 เมตร จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในพุทธอุทยานที่จัดสร้างถวายเป็นพุทธบูชา ภายในประกอบไปด้วยการจำลอง สถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน  และยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางต่างๆ เช่น พระพุทธเจ้าปางประสูติ พระพุทธเจ้าปางตรัสรู้ พระพุทธเจ้า 9 สมัย ฯลฯ อุทยานพระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคล (พระสิงห์ใหญ่) มีการประดับตกแต่งด้วยพรรณไม้นานาชนิดทำให้มีความร่มรื่นและสวยงาม เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนาและสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสิงห์บุรี

     หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร พระพุทธรูปไสยาสน์ ปางโปรดอสุรินทราหู องค์พระเป็นสีทองเหลืองอร่าม พระเศียรชี้ไปทางทิศตะวันออก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ พระกรขวายื่นไปทางด้านหน้าไม่งอพระกรขึ้นรับพระเศียรเหมือนปางปรินิพพาน ความยาวตลอดองค์พระ คือ 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว (47 เมตร 42 เซนติเมตร) วัดพระนอนจักรสีห์ถูกสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ตามตำนานเล่าว่า สิงหพาหุกุมาร ผู้มีร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งราชสีห์ อาศัยอยู่กับแม่ในป่า วันหนึ่งเกิดความสงสัยว่าเหตุใด ตนจึงไม่เคยเห็นหน้าพ่อผู้ให้กำเนิดเลย จึงไปถามแม่ว่าพ่อของตนเป็นใคร อยู่ที่ไหน ผู้เป็นแม่จึงได้ตัดสินใจบอกกล่าวความจริงกับลูกทางอ้อมว่า พ่อของเจ้าไม่เคยห่างจากกายเจ้า เขาเฝ้าเลี้ยงดูและติดตามคุ้มครองเจ้าตั้งแต่น้อยเท่าใหญ่  เมื่อสิงหพาหุกุมารมาพิจารณาตามคำบอกเล่าของแม่จึงพบว่า ที่แท้แล้วพ่อของตนคือพญาราชสีห์ที่คอยติดตามดูแลเขาอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ เมื่อรู้ความจริงดังกล่าวเข้าสิงหพาหุกุมารก็นึกรังเกียจและอับอายที่ตนเองมีพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉาน  จึงติดตามไล่ฆ่าพญาราชสีห์อย่างโกรธแค้น  ฝ่ายพญาราชสีห์ทั้งออกหนีไปพลาง ทั้งเป็นห่วงกลัวลูกจะเหนื่อย สุดท้ายก็ต้องหยุดรอให้ลูกมาฆ่า ด้วยความรักลูกกลัวว่าลูกจะไล่ตามตนจนเหนื่อย เมื่อทำปิตุฆาตเรียบร้อยแล้วสิงหพาหุกุมารเกิดอาการปวดหัวรุนแรง ต้องแล่ท้องพ่อเอาไส้มาพันหัวไว้ถึงจะหายปวด จากนั้นเดินทางกลับมาหาแม่ ผู้เป็นแม่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็โศกเศร้าเสียใจมาก กล่าวรำพึงรำพันกับลูกว่า “กรรมเวรใดหนอทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เหตุใดลูกถึงฆ่าพ่อของเจ้าได้ เขาเป็นผู้ให้ชีวิตแก่ลูก เลี้ยงดูลูกมาด้วยความรักลูกทำอย่างนี้กับพ่อได้อย่างไร” ครั้นได้ยินคำของแม่ สิงหพาหุกุมารก็สำนึกผิดในบาปมหันต์ที่ได้กระทำกับพ่อของตนดังนั้นเขาจึงนำศพของพ่อไปเผาที่โคกจันทร์ แล้วสร้างพระพุทธรูปเป็นพระนอนขึ้นองค์หนึ่งทับถ้ำที่พ่อของตนเคยอาศัยอยู่ โดยนำเอาทองคำแท่งโต ๓ กำมือ ยาว ๑ เส้น เป็นแกนขององค์พระ ซึ่งก็คือองค์พระนอนจักรสีห์ในปัจจุบันนั่นเอง

     พระนอนเมืองสิงห์ พระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระปรางค์มุนี ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี ติดถนนสายเอเชียฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร องค์พระมีพุทธลักษณะที่สวยงามสมส่วน มีความยาวประมาณ 42 เมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2557 โดยเจ้าอาวาสวัดพระปรางค์มุนี โดยเหตุที่จัดสร้างเนื่องมาจาก บิดาของท่านเจ้าอาวาสได้ถึงแก่กรรมลง จึงจัดสร้างองค์พระเป็นบุญกุศลทดแทนคุณบิดา และเพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้เป็นสิริมงคลต่อไป

     พระนอนวัดจำปาทอง พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่อีกองค์หนึ่ง ประดิษฐานอยู่ที่วัดจำปาทองริมฝั่งแม่น้ำน้อย ไม่ไกลจากวัดพิกุลทองมากนัก เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ที่สวยงาม นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมี ศาลาสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี และเรือแจวพระที่นั่ง “เรือจำปาทองสิงห์บุรี” ให้ประชาชนได้เข้าชมและกราบสักการะ

     หลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน  พระอัฏฐารสยืนซ้อนกันอยู่สององค์ ประดิษฐานอยู่ที่ วัดประโชติการาม วัดเก่าแก่คู่เมืองสิงห์บุรีอีกแห่งหนึ่ง โดยตำนานการสร้างวัดเกี่ยวเนื่องกับตำนานการสร้างวัดพระนอน กล่าวคือ เมื่อสิงหพาหุกุมารต้องการไถ่บาปจากการทำปิตุฆาต จึงไปสร้างวัดพระนอนและวัดสละบาป แต่กลัวว่าบาปของตนนั้นจะยังไม่เบาบางลง จึงสร้างวัดประชดขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งภายหลังก็มีการออกเสียงผิดเพี้ยนมาเป็นวัดประโชตินั่นเอง

     หลวงพ่อยืน พระพุทธรูปยืน ปางห้ามสมุทร สูง 38 เมตร ประดิษฐานอยู่ที่ วัดจุกคลี บ้านตลาดโพธิ์ ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน องค์พระมีลักษณะโดดเด่นด้วยสีเหลืองทองงามสง่า และขนาดที่ใหญ่โตจนสะดุดตาแม้กระทั่งผู้อยู่ไกลออกไปยังมองเห็นองค์พระได้ชัดเจน  จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2537 เพื่อเป็นเอกลักษณ์ จุดดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นที่สักการบูชา ของตำบลไม้ดัด

     พระยืนปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพกรวม ถนนสายเอเชีย ตำบลโพกรวม อำเภอเมืองสิงห์บุรี องค์พระยืนปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ มีขนาด 30 ศอก สง่างามด้วยสีเหลืองทองอร่ามทั้งองค์ อยู่บนพระวิหาร ตามแนวระเบียงประดับด้วยสิงห์แบกเจดีย์และบันไดนาคสง่างาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ในปี พ.ศ.2558