สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
วัดโพธิ์เก้าต้น อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เคยเป็นที่ตั้งค่ายชุมนุมของเหล่าวีรชนคนกล้า บ้านบางระจันเมื่อครั้งเกิดสงครามระหว่างพม่าและกรุงศรีอยุธยาในราวปีพ.ศ. 2308 – 2310 วัดโพธิ์เก้าต้นถือเป็นชัยภูมิที่ดีในการรบครั้งนั้น เนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการเป็นพื้นที่ดอน ล้อมรอบด้วยลำคลองขนาดใหญ่ ลึกและกว้าง เป็นปราการธรรมชาติที่ช่วยป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการรบครั้งนั้นกินเวลานานหลายเดือน การมีทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ย่อมทำให้ชาวบ้านไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหาร มีพลังกายไปสู้ศึกสงครามได้อยู่หลายเดือนเลยทีเดียว ในช่วงสงครามวัดโพธิ์เก้าต้นถูกทิ้งร้างไปช่วงหนึ่งเนื่องจากชาวบ้านที่เหลือรอดชีวิตอยู่ต้องอพยพหนีสงครามไป แต่จากนั้นไม่นานเมื่อทุกอย่างสงบลงก็มีชาวบ้านมาร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ และพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันวัดโพธิ์เก้าต้นเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างและมีการบริหารจัดการที่ดี ภายในบริเวณวัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนดังนี้
ค่ายจำลองและเนินดิน แนวค่ายบางระจัน ตรงบริเวณนี้ทางวัดปรับปรุงพื้นที่ได้สวยงามและร่มรื่นมาก ค่ายจำลองกินบริเวณกว้างพอสมควรแต่สถานที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ภายในจำลองสภาพความเป็นอยู่ในค่ายบางระจันขึ้นมา ให้ประชาชนเข้าไปศึกษาเยี่ยมชม มีศาลาที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ที่สำคัญคือศาลวีรสตรีค่ายบางระจัน ย่าเฟื่อง ย่าแฟง ย่าปล้องตั้งอยู่บนเนินดินริมแม่น้ำซึ่งเป็นแนวค่ายเก่า ที่ชาวบ้านบางระจันช่วยกันขุดดินขึ้นมาสร้างเป็นแนวกำแพงดินยาวตลอดเขตที่ตั้งค่ายเพื่อป้องกันข้าศึก ซึ่งมาตั้งทัพอยู่เมืองวิเศษชัยชาญหรือก็คือฝั่งตรงข้ามอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำนั้นเอง ปัจจุบันแม่น้ำสายนี้เป็นแนวแบ่งเขตระหว่างอำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี กับอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง เมื่อข้ามเนินดินลงมาฝั่งแม่น้ำจะมีศาลานิทรรศการประวัติศาสตร์ ชาวบ้านบางระจัน จัดแสดงประวัติผู้นำค่ายบางระจันและเครื่องมือเครื่องใช้โบราณเล็กน้อย ถัดไปคือทางลาดลงไปสู่ “วังมัจฉา” หรือท่าน้ำที่ทางวัดสร้างโป๊ะขนาดใหญ่ต่อออกไปยังกลางแม่น้ำเพื่อให้ประชาชนได้ทำบุญให้อาหารปลา และชมธรรมชาติอันสมบูรณ์ในบริเวณนี้นั่นเองโป๊ะมีลักษณะมั่งคงแข็งแรง มีหลังคาบังแดดและเก้าอี้สำหรับนั่งชมปลาชนิดต่างๆ ที่มีอย่างชุกชุม เมื่อโปรยอาหารออกไปบนผิวน้ำ เหล่ามัจฉาตัวอ้วนพีก็จะปรากฏกายขึ้นให้ชมอย่างหนาแน่นเต็มท้องน้ำไม่ขาดสาย มองไปฝั่งตรงข้ามไม่ไกลนักจะพบกับเนินดินแนวกั้นน้ำของเขตจังหวัดอ่างทอง ทิวทัศน์รอบด้านเป็นลำน้ำสีขุ่นตัดกับท้องฟ้าสดใสและพรรณไม้สีเขียวขจีงดงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดเป็นอย่างมาก