คำแนะนำการใช้งาน
ขยายขนาดตัวอักษร
เพิ่มระยะห่างตัวอักษร
เพิ่มขนาดลูกศรชี้
ตำแหน่ง
เส้นช่วยในการอ่าน
เน้นการเชื่อมโยง
ปรับชุดสี
เปิดการใช้งาน
ปิดการใช้งาน
คำแนะนำการใช้งาน
เริ่มต้นใช้งาน
Text Size

การขยายขนาดตัวอักษร

สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน

Text Spacing

การเพิ่มระยะห่างตัวอักษร

การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

Large Cursor

การเพิ่มขนาดลูกศรชี้ตำแหน่ง

ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%


Reading Guide

เส้นช่วยในการอ่าน

จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น

Highlight Links

เน้นการเชื่อมโยง

ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Change Color

เลือกปรับชุดสี

สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน

ย้อนกลับ

นครราชสีมา…มามะมาเที่ยวกัน

ท่องเที่ยวไทย เก๋ไก๋ ได้ความรู้ จ.นครราชสีมา

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกท่านครับ ทริปนี้ผมมีเหตุต้องเดินทางไปหาเพื่อนแถวโคราช เลยหาเรื่องเที่ยวโซนนี้ซะเลย...บอกตามตรงว่า ปกติจะเที่ยวแต่แถวเขาใหญ่ แล้วก็ขับรถผ่านโคราชตลอด....เที่ยวนี้โอกาสเหมาะ ได้สัมผัสมุมมองใหม่สำหรับผมก่อนเลยครับ.....กระซิบ ๆ ..ท้าย ๆ กระทู้รับรองต้องถูกใจ ชายไทยที่ชอบของแรง ๆ ครับ ห้ามพลาด…ตามดูให้จบนะครับ (ภาพถ่ายเมื่อ 19/4/2561)

ก่อนเดินทางถึง โคราช เราต้องขับรถผ่าน วัดสรพงศ์ (ส่วนใหญ่คนจำได้ชื่อนี้)  จริง ๆ ชื่อ วัดโน่นกุ่ม ผมก็เลยแว๊บรถเข้าไป ไหว้พระขอพร หลวงพ่อโต ให้งานที่ทำราบรื่น พร้อมเก็บภาพโบสถ์สวย ๆ เป็นที่ระลึก แล้วค่อยเดินทางต่อครับ

หลังจากเสร็จธุระตามเป้าประสงค์กับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ตั้งพิกัด GPS ให้พาเราไปที่ พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา เลยครับ ขับรถไม่นานนัก ก็มาถึง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผมขับลัดเราะตามทางใน จนไปถึงหน้าตึกพิพิธภัณฑ์ เป๊ะเลยครับ (เปิดบริการทุกวันอาคาร 10 ชั้น 2 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ชมฟรี แอร์เย็นฉ่ำ ครับ)

มาถึงแล้ว ถือกล้องเดินเข้าไปด้านในเลยครับ ภายในจัดแสดงไว้อย่างดี แบ่งเป็นสัดส่วน แอร์เย็นฉ่ำเดินสบายมากครับ

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ทำหน้าที่ในการอนุรักษ์ เผยแพร่ ศิลปวัฒนธรรม ของชาติและท้องถิ่น ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาสู่ชนรุ่นหลัง

เมืองนครราชสีมา มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 4500 ปีมาแล้วนะครับ จนถึงยุคสมัยทาราวดี ลพบุรี จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เมืองนครราชสีมา ได้ถูกยกให้เป็นเมืองชั้นเอก ทำหน้าที่ช่วยดูและส่วย อากร รักษาความสงบ และปราบกบฏ ที่นี่ถือว่าเป็นที่ตั้งของกองกำลังทหารที่ใหญ่ที่สุดในภาคนี้เลยครับ

ตามผมมาเลยครับ เริ่มเดินเข้ามาในห้องแสดง ต้นกำเนิดแห่งอารยธรรมโบราณ กันครับ

โครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์

ธรรมจักรศิลาจำลอง…เชื่อกันว่า วัฒนธรรมยุคทาราวดี เจริญรุ่งเรืองขึ้นในแถบกลุ่มภาคกลางของประเทศไทย เริ่มมีการสร้างงานศิลปกรรมเกี่ยวกับศาสนาเป็นจำนวนมาก

ห้องนี้แสดงเรื่องเกี่ยวกับ สมัยลพบุรี ครับ

เดินมาเรื่อย ๆ  เริ่มเข้าสู่สมัย รัตนโกสินทร์ แล้วครับ แสดงบ้านเรือนความเป็นอยู่ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของคนท้องถิ่นโคราช ครับ

ชาวโคราช มีกลุ่มชาติพันธ์ รวมกันอยู่หลายเชื้อชาติครับ เช่น ไทอิสาน ไทมอญ ไทกุย ไทยวน ชาวยน ไทจีน ไทซิกข์

มีคำโบราณบอกว่า “แผ่นดินเมืองโคราช สูงกว่ากรุงเทพ 7 ชั่วลำตาล เมื่อทำแผนที่ในชั้นหลังนี้ ปรากฏพื้นที่ เมืองนครราชสีมา สูงกว่าระดับน้ำทะเล 185 เมตร ดูไม่ห่างจากคำโบราณนัก”  พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

นอกจากชาวโคราช จะมี เพลงโคราช ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ ชีวิต และสังคม ที่เป็นเอกลัษณ์ของท้องถิ่นแล้ว ยังมี ผ้าหางกระรอก ที่เป็นผ้าทอมือ ผืนเรียบชนิดหนึ่งที่มีลายเหลือบสีเล็ก ๆ อยู่ในเนื้อผ้าคล้ายกับเส้นขนของหางกระรอก เป็นที่นิยมของคนพื้นเมืองในอดีต

เดินเพลิน ๆ จนครบรอบดีแล้ว ก็ลงมาจากตึกครับ....ด้านหน้าตึกจัดสวนเอาไว้ จำลองบ้านพักของคนโคราชในอดีตครับ...ตรงนี้เหมาะกับการมานั่งเล่น หลบร้อน ดีมาก ๆ เลย….เพื่อน ๆ ที่ชอบถ่ายภาพ เห็นที่นี่แล้ว พอจะนึกออกแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าเราควรจะนัดสาว ๆ มาถ่ายภาพคอนเซปท์ไหนกันดี...ฮ่า ๆ มุมสวย ๆ แนวย้อนยุคดีเลยล่ะครับ

ต่อจากนี้ เราไปเที่ยว หอศิลป์ ทวี  รัชนีกร กันบ้างดีกว่าครับ อยากเห็นว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง....ตามมาเลยครับ หอศิลป์ทวี รัชนีกร (203 ซอยเพชรมาตุคลา 4 หมู่ 10 ถนนราชสีมา ตำบลหัวทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครราชสีมา ไม่เสียค่าเข้าชม เปิด ทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.)

อาจารย์ ทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ อายุ 84  ปี สาขาทัศนศิลป์ ผู้ก่อตั้งหอศิลป์ทวี รัชนีกร จ.นครราชสีมา ต้องการสร้างพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อให้โคราชมีโอกาสขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลปะ ปีนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) โดยกองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ให้การสนับสนุนผ่านโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้บ้านศิลปิน สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนขึ้นที่หอศิลป์ทวี รัชนีกร ...ภายใน แกลลอรี่ มีการแสดงผลงานหมุนเวียนเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ นะครับ.....ผู้ที่ชอบเสพงานศิลปเพื่อต่อยอดทางจินตนาการ ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมที่นี่นะครับ

สำหรับเป้าหมายใหญ่ ของ อ.ทวี รัชนีกร คือการผลักดันบ้านศิลปินให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และเพิ่มความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศทั้ง 4 อาคาร ซึ่งจัดแสดงผลงานทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และสื่อผสมที่มีแบบฉบับเฉพาะตัว และส่วนเนื้อหาวิพากษ์สังคมไทย …อยากให้เพื่อน ๆ ที่สนใจด้านงานศิลป์ มาเที่ยวชมกันมาก ๆ เลยครับ...ก่อนกลับ ขอถ่ายภาพ อ.ทวี เป็นที่ระลึกครับ

หลังจากร่ำลา อ.ทวี เรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถมาเที่ยวที่สวนสัตว์โคราช ต่อดีกว่าครับ...คือ อารมณ์ประมาณว่า อยากไปเที่ยวเขาดิน น่ะครับ ไม่ได้ไปเที่ยวแบบนี้หลายสิบปีแล้วล่ะ...และที่สำคัญเค้าบอกว่า สวนสัตว์โคราช เป็นซาฟารีเมืองไทย ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอิสาน ตามไปเที่ยวด้วยกันดีกว่าครับ

ค่าบัตรผ่านประตู 100 ค่าจอดรถ 50 บาทครับ มีที่จอดรถร่ม ๆ ขนาดใหญ่ จอดได้หลายร้อยคันสบาย ๆ เลยครับ.....สำหรับการเที่ยวด้านในสวนสัตว์ มีหลายช่องทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เดิน นั่งรถกอล์ฟ (เช่า) ปั่นจักรยาน (เช่า) หรือ นั่งรถไฟเล็ก (30 บาท) มีวิ่งทั่วสวนสัตว์ตลอดเวลาครับ

สวนสัตว์โคราช พิกัด GPS 14.8514, 102.0633  เปิดบริการทุกวัน 08.00-17.00 น.

ช้างอาฟริกา มาดูได้ที่โคราช ครับ ไม่ต้องบินไปไกล ๆ ด้วยน๊า...สังเกตุ ลักษณะใบหูไม่เหมือนช้างเอเชีย นะครับ

ผมเลือกนั่งรถไฟเล็ก ครับ เดินถ่ายภาพที่ละจุด แล้วก็มานั่งรอไม่เกิน 5 นาที เดี๋ยวจะมีรถวนมารับเราเรื่อย ๆ สะดวกดีมาก ๆ ครับ….ป้ายจอดรถมีทุกจุด เค้าจอดรับเราตลอดครับ

เราไปดูจุดอื่นกันต่อดีกว่าครับ…ตรงนี้มี แรดขาว ตัวใหญ่ล่ำบึ่ก มาวิ่งให้เราชมน่ารักจริง ๆ

ลูกแรดขาว  ประลองกำลังกันตามประสาวัยรุ่นครับ

นกยูง ไม่ได้อยู่ในกรงแคบ เดินเล่นไปมา อิสระ เห็นแล้วรู้สึกดีจริง ๆ ครับ

สิงโตเผือก  ยืนสง่าคุมเชิงแฟนตัวเองอยู่ห่าง ๆ ดูนิ่ง ๆ แต่น่ากลัวเนอะ

นี่...เสือโคร่งเผือก  ก็หาดูยากในธรรมชาติ...ดูหน้าตาใจดีจัง...แฮ่ ๆ

เสือโคร่ง สีสันปกติ ขนาดนอนนิ่ง ๆ หันมองไปมา ยังดูน่าเกรงขามเลยครับ หน้าดุมาก

เจ้าเสือดำ ไม่รู้พูดอะไรกับผม หรือว่าจะสื่อสารอะไรให้คนเมืองอย่างผมก็ไม่รู้....แฮ่ ๆ ....(จินตนาการกันไป๊)

เสือดาว นอนนิ่ง ๆ ไม่รู้คิดอะไรเหมือนกัน

เดินดูสัตว์จนเหนื่อยร้อนมากแล้ว ต้องแวะ สวนน้ำโคราช ทะเลอิสาน (อยู่ในพื้นที่เดียวกัน)  ตื่นตากับสไลเดอร์คิงคองยักษ์ สไลเดอร์ตอไม้ เครื่องเล่น Aloha สนุกสุขสรรกันทั้งครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มาเที่ยวสวนสัตว์แล้วอยากคลายร้อน ก็มาเล่นน้ำกันที่นี่ได้เลยครับ กว้างขวาง อลังการงานสร้างดีจริง ๆ รับรองว่า มีความสุขหรรษากันทั้งครอบครัวครับเดินดูสัตว์จนเหนื่อยร้อนมากแล้ว ต้องแวะ สวนน้ำโคราช ทะเลอิสาน (อยู่ในพื้นที่เดียวกัน)  ตื่นตากับสไลเดอร์คิงคองยักษ์ สไลเดอร์ตอไม้ เครื่องเล่น Aloha สนุกสุขสรรกันทั้งครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มาเที่ยวสวนสัตว์แล้วอยากคลายร้อน ก็มาเล่นน้ำกันที่นี่ได้เลยครับ กว้างขวาง อลังการงานสร้างดีจริง ๆ รับรองว่า มีความสุขหรรษากันทั้งครอบครัวครับ

คลายร้อนกันเรียร้อยแล้ว เราเดินมาชมโซน แสดงพันธ์ปลาน้ำจืดกันครับ...เข้าไปปุ๊ป ก็จะมี นากน้อยผู้น่ารัก ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวเลย มันเห็นคนมาเที่ยวแล้วจะมาว่ายน้ำโชว์ให้เราดูครับน่ารักมาก ๆ

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่แสดงพันธุ์ปลาน้ำจืดหลายชนิด ว่ายไปมาเยอะแยะไปหมดเลยครับ

เดินเที่ยวถ่ายภาพสนุกสนานจนเย็น ฝนก็ตก ได้เวลาสวนสัตว์จะปิดแล้ว หาที่นอนซักคืนดีกว่า ใกล้ ๆ กับสวนสัตว์โคราช มีพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ครับน่าสนใจมาก ผมเลยคิดว่า คืนนี้นอนแถวนี้ดีกว่า เช้าค่อยไปเที่ยวซะหน่อย....ขับรถมาหน่อยเดียว เจอบ้านสวนลุงทอม ใกล้ ๆ เลยใช้บริการ ค่าห้องพักไม่แพง (ติดต่อตามเบอร์ในภาพ) อาหารตามสั่งอร่อยดี ไม่แพงด้วย ผมจัดหนักเต็มที่ก่อนหลับเอาแรงสำหรับพรุ่งนี้ยาว ๆ เลยครับ

ตื่นแต่เช้า สั่งข้าวต้มหมูสับ บอกเอาเยอะ ๆ  แม่ครัวหายไปหลังครัวแผล๊บเดียว ยกมาเสิร์ฟให้กินแบบจัดเต็ม เพิ่มพลังยามเช้าได้อย่างดีเลยครับ เช้านี้ผมจะพาไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน แห่งแรกของประเทศไทย กันครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ที่ไหนได้บอกเลยว่าห้ามพลาด หลายเรื่อง อันซีนที่สุด...ที่นี่ถือว่า เป็น 1 ใน 7 ของโลกเลยครับ ไม่ธรรมดาก็แล้วกัน...ตามมาชมกันเลยครับ

ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวที่นี่ จะเรียกว่า พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน แต่จริง ๆ ชื่อเต็มคือ  สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ  มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา  (ชื่อยาวเนอะ)  การเที่ยวจะแบ่งโซนการจัดนิทรรศการ ซึ่งสามารถเดินต่อเนื่องภายในอาคารเดียวกันเป็น 3 จุดด้วยกันคือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ และ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสา ครับ....เช้านี้ผมเลือกเดินถ่ายภาพเล่นจากภายนอกก่อนครับ จะผ่านอาคาร พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ ก่อนเลย สังเกตดี ๆ รูปปั้นช้าง ลักษณะงามันงอนลงมาแปลก ๆ นะครับ เดี๋ยวค่อยเข้าไปดูด้านในกัน

เดินต่อมาอีกนิดเดียวก็จะถึง พิพิธภัณฑ์ไดโนเสา ด้านหน้ามีไดโนเสาจำลอง ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว  เด็ก ๆ มาที่นี่รับรองต้องชอบแน่ ๆ ครับ

ผมเชื่อว่า ต้องมีคนมาถ่ายรูปเซลฟี่กับไดโนเสา กันเยอะแยะแน่นอนเลย มันน่ารักดีครับ...เดิน ๆ รู้สึกเหมือนอยู่ใน จูราสิค พาร์ค ยังไงก็ไม่รู้นะ..ฮ่า ๆ

เมื่อเดินเข้ามาภายใต้อาคาร ก็จะมีการโชว์พวกซากฟอสซิลต่าง ๆ มากมาย พร้อมภาพ และข้อความบรรยายอย่างละเอียด ชมเพลินได้ความรู้มาก ๆ เลยครับ

เข้ามาที่ห้อง พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ โคราชเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่พบฟอสซิลจำนวนมาก ครบ 3 มหายุค ทั้งเก่า กลาง และใหม่ ฟอสซิลบางกลุ่ม อย่างช้างดึกดำบรรพ์ พบมากที่สุดในโลก จึงนับว่าเหมาะสมยิ่งที่ช้างเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ซึ่งมีรากเหง้าของเผ่าพันธุ์กว่า 10 ล้านปี และโคราชก็สมควรยิ่งที่จะเป็น...มหานครแห่งบรรพชีวิน หรือ Paleontopolis แห่งหนึ่งของโลก

สำหรับฟอสซิลมหายุคใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และไม้กลายเป็นหิน โดยฟอสซิลที่โดดเด่นระดับสุดยอดของโลก คือ ช้างดึกดำบรรพ์เพราะพบถึง 10 สกุลจาก 44 สกุลที่พบทั่วโลก เป็นฟอสซิลจากแหล่งบ่อทรายริมลำมูล ในตำบลท่าช้างของอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เช่น ช้างสี่งากอมโฟธีเรียม ช้างงาจอบโปรไดโนธีเรียม ช้างงาเสียมโปรตานันคัส ช้างเหล่านี้อายุกว่า 7 ล้านปีก่อน หรือเก่ากว่าช้างแมมมอธจากไซบีเรียหลายล้านปี

โคราชหรือนครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงครอบคลุมชุดชั้นหินต่าง ๆ ครบทั้ง 3 มหายุค มีความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัด เพราะพบฟอสซิลจำนวนมาก และหายากของ โดยฟอสซิลมหายุคเก่า ซึ่งเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังพบในหินปูนอำเภอปากช่อง ทั้งปะการัง คตข้าวสาร แอมโมนอยด์ พลับพลึงทะเล ที่บ่งบอกว่าแดนปากช่อง คือ ทะเลดึกดำบรรพ์เมื่อ 275 ล้านปีก่อน ส่วนฟอสซิลมหายุคกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน หอย และไม้กลายเป็นหิน อายุกว่า 100 ล้านปีก่อน พบในหินกรวดมนปนปูนหรือหินทรายในอำเภอสีคิ้วถึงอำเภอเมืองนครราชสีมา และพบไดโนเสาร์พวกอิกัวโนดอนต์มากที่สุดในอาเซียน ทั้งราชสีมาซอรัส สยามโมดอน และอีก 1 สายพันธุ์ใหม่ที่ยาวถึง 6 เมตร รวมทั้งไดโนเสาร์กินเนื้อที่คาดว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียน คือ ยาวกว่า 10 เมตร กะโหลกยาว 1 เมตร จัดอยู่ในจำพวกคาร์ชาโรดอนโตซอร์หรือไดโนเสาร์ฟันฉลาม นอกจากนี้ ยังพบฟอสซิลเต่าโคราช สกุลคิซิลคูเมมิส จระเข้โคราชโคราโตซูคัส สัตว์เลื้อยคลานบินเทอโรซอร์ ปลาไม่ต่ำกว่า 3 ชนิด และหอยก็ไม่ต่ำกว่า 3 ชนิด

บริเวณรอบ ๆ นอกอาคาร จะจัดประดับ ไม้กลายเป็นหิน ที่ได้มาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น สวนอนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร. 6   สวนไม้กลายเป็นหินบ้าน โกรกเดือนห้าและสวนไม้กลายเป็นหินจาก ลุ่มน้ำมูล ชี

พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน แยกเป็นโซนพื้นที่ของไม้กลายเป็นหินจังหวัดต่าง ๆ จะเน้นไม้กลายเป็นหินของจังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะการเน้นลักษณะเด่นพิเศษที่แตกต่างจากจังหวัดอื่น 3 ประการ คือ 1 ไม้กลายเป็นหินอัญมณี  2 ไม้กลายเป็นหินวงศ์ปาล์ม  3ไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ

นิทรรศการไม้กลายเป็นหินโคราช – ขอนแก่น แสดงแหล่งไม้กลายเป็นหินสำคัญของภาคอีสาน คือ จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น ซึ่งมีความโดดเด่นด้านขนาดที่ใหญ่ หรือมีสีสันที่สวยงาม

ห้องเฉลิมพระเกียรติ : สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหิน เพื่อแสดงภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้อความพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับความสำคัญของ “โบราณวัตถุ” ภาพของอนุสรณ์สถานไม้กลายเป็นหิน ร.6 รวมทั้งภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยในนิทรรศการและติดตามโครงการอนุรักษ์ไม้กลายเป็นหินของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาและจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2540

ห้องนิทรรศการไม้กลายเป็นหินอัญมณี แสดงไม้กลายเป็นหินอัญมณีขนาดใหญ่ หลากหลายอายุ และไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์ม ซึ่งเป็นความโดดเด่น 3 อย่างของไม้กลายเป็นหินในจังหวัดนครราชสีมา

ห้องฉายวีดิโอแอนิเมชั่น 5 มิติ เป็นห้องฉายขนาด 30 ที่นั่ง พื้นไหวสะเทือนได้ สัมพันธ์กับเนื้อหาบนจอภาพที่มีอยู่ 3 จอ ฉายรอบนึง 12 นาที เปิดให้ชมทุก ๆ 20 นาที

เดินออกมาจากนอกอาคาร มาที่จอดรถ จะเห็น ไดโนเสา สองตัวกำลังกอดกันอยู่กลางสระน้ำ ครับ

ไม้กลายเป็นหินจากแหล่งต่าง ๆ ที่ถูกจัดไว้รอบบริเวณพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินครับ....พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน หยุดทุกวันจันทร์ นะครับ เปิดตั้งแต่ 09.00-16.00 น.  อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 30 บาท นักศึกษา 20 บาท นักเรียนประถม – ปวช 10 บาทครับ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฟรีครับ

ผมออกเดินทางต่อเพื่อไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์โชคชัย ต่อครับ แต่มื้อกลางวัน ขอฝากท้องไว้กับเพื่อนช่างภาพ น้าโต้ง ปากช่อง พาไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ หน้าสถานีรถไฟปากช่อง ที่เป็นร้านดั้งเดิมขายมา 40 กว่าปีแล้วครับ ฉะนั้นรับประกันความอร่อยได้แน่นอน

บางคนอาจจะเรียกชื่อร้าน ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ หน้าสถานีรถไฟ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ร้านนี้มีชื่ออยู่หน้าตู้ก๋วยเตี๋ยว “ก๋วยเตี๋ยวเรือสองลำ”  ถามไถ่แล้วว่า ในอดีตขายก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อวัว และหมู แยกเรือแยกหม้อกันคนละลำนั่นเองครับ ปัจจุบัน ขายก๋วยเตี๋ยวหมูอย่างเดียวเท่านั้น

น้าโต้ง พาผมไปถึงร้านปุ๊ป  ด้วยความหิว สั่งเมนูประจำเลยครับ “เล็กยำไม่ใส้” ไม่นานนัก ก็ยกมาเสิร์ฟแล้ว ขอบอกว่า ถ้าใครกินแบบรสไม่จัดล่ะก็ ไม่ต้องปรุงเลย...แต่ผมชอบแบบจัดหนักครับ บอกเลยว่าอร่อยต้องเบิ้ล แห้งยำ อีกชามตามมาติด ๆ เลยครับ...และที่ขาดไม่ได้คือ โอเลี้ยงเย็น ๆ คลายร้อนครับ

บะหมี่แห้งยำ นี่ตอนมาเสิร์ฟผมดันลืมถ่ายภาพเอาไว้ก่อน (คือรีบจะกินมาก ฮ่า ๆ )....ไหน ๆ ก็ไหน ๆ จัดแบบนี้เลยละกันครับ (กินไปบ้างแล้วเพิ่งนึกได้) ความหิว ไม่เคยปราณีใครนี่นา...ฮ่า ๆ …คอนเฟิร์มว่าอร่อยจริงครับ วัตถุดิบดี น้ำซุปอร่อยกลมกล่อมซดคล่องคอดีมาก

หลังจากอิ่มหมีพีมัน หนังท้องตึงได้ที่ดีแล้ว ผมก็ล่ำลาน้าโต้ง...แต่...ก่อนจาก สัญญาว่า ครั้งหน้ามาปากช่อง จะมาชิม ข้าวหมูแดงสุพรรณ (แต่มาขายอยู่ปากช่อง) ให้ได้เลยครับ.....ผมขับรถออกมาจากปากช่องไม่นาน ก็มาถึง พิพิธภัณฑ์โชคชัย เลยถือโอกาสแวะเที่ยวซักหน่อยดีกว่า ไม่เคยแวะซักที ขับรถผ่านประจำเลยผม

วัยรุ่น (เหลือน้อย) อย่างผม เน้นเที่ยววันธรรมดาครับ ไปไหนมาไหนก็สะดวก โล่ง ที่จอดรถหาง่าย เข้ามาจอดรถใต้ร่มไม้ ก็ถือกล้องมาถ่ายภาพเด็ก ๆ ขี่ม้าแคระกันครับ

กิจกรรมสนุก ๆ สำหรับเด็ก ๆ มีเยอะครับ ทั้งขี่ม้าแคระ สนามเด็กเล่น ให้อาหารแกะ ฯลฯ....คือมาเที่ยวที่นี่แล้วมีความสุขกันทั้งครอบครัวครับ

ต่อไป ผมจะพาเข้ามาชมด้านหลังของอาคารพิพิธภัณฑ์ ครับ (อันซีนมาก)ซึ่งใครมาเห็นแล้วคงไม่คิดหรอกว่า ที่นี่จะมี รถถัง เครื่องบิน 5 ลำจอดอยู่ด้านหลัง (ถ่ายมาแค่ 2 ลำ) คนชอบถ่ายภาพ หนุ่มสาวชอบเซลฟี่ หรือ คู่แต่งงาน อาจจะนัดกันมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่นี่ก็ได้ (ลองติดต่อกันเองก่อนนะครับ)

บอกตามตรงว่า เมื่อเดินทะลุอาคารมาด้านหลังแล้วร้องว๊าวววดังมากครับ ไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ด้วยจริง ๆ บริเวณเดียวกัน มีบ้านทรงไทยสวยงาม บริการจัดงานแต่งงาน หรืองานประเพณีต่าง ๆ ด้วยครับ

เรื่องอันซีนอีกอย่างนึงคือ ที่นี่ เลี้ยงสัตว์เผือก 12 ราศี ด้วยนะครับ เรียกว่ามีครบรวมอยู่ในบริเวณสวนด้านหลังอาคารนี่แหล่ะครับ แต่ผมถ่ายแต่เสือขาว เอาใจคนปีขาลมาอยากเดียวนะครับ...นอกนั้นอยู่ในกรง ถ่ายภาพยากมาก (ไปดูเองก็แล้วกันครับ น่ารักดี)

"ผมฝันอยากเป็นคาวบอยมาตั้งแต่เด็ก ๆ"  ความทรงจำของชายคนหนึ่ง ผู้ซึ่งสร้างตำนานคาวบอยเมืองไทยแห่งฟาร์มโชคชัย  โชคชัย บุลกุล ด้วยความมุ่งมั่นสานฝันในวัยเยาว์ ขอเชิญเพื่อน ๆ ตามมาสัมผัสหลากหลายของสะสมอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำอันมีคุณค่าของทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี  รับรองครับว่าประทับใจแน่นอน

ที่พิพิธภัณฑ์โชคชัย จะมีทั้งหมด 5 ชั้น ซึ่งชั้นบนสุดคือ ห้องจัดเลี้ยง สัมมนาขนาดใหญ่ ให้ลูกค้ามาใช้บริการด้านต่าง ๆ ครับ

ลงมาชั้น 4 ต้องร้องว๊าววว  อีกแล้วครับ ชั้นนี้เป็นความฝันของคุณ โชคชัย บุลกุล ที่ชื่นชอบในชีวิตสไตล์คาวบอยตะวันตก นั่นเองครับ...ด้านในจัดไว้เด็ดมากจริง ๆ ครับ

เมื่อผ่านประตูเข้ามา ขวามือเป็นกระต๊อบสังกะสี (จำลอง) การใช้ชีวิตท่ามกลางความยากลำบากของคุณโชคชัย  ในยุคบุกเบิกฟาร์มในปี พ.ศ.2500

กระต๊อบที่พักหลังแรกพร้อม คอกวัวที่เริ่มเลี้ยงจาก 8 ตัว การดำเนินชีวิตเป็นแบบเรียบง่าย และอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างที่จะสานฝันสร้าง ฟาร์มโชคชัย ด้วยมือของตนเองให้สำเร็จ

ผมอยากจะบอกเพื่อน ๆ ว่า ชั้นนี้ถือว่า เป็นชั้นที่ออกแบบสร้างสรรค์ได้ถูกใจผมมากจริง ๆ ครับ...เห็นแล้วอยากพาเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ในคอนเซปท์คาวบอย ที่นี่จริง ๆ (ต้องสอบถามกับ จนท. ดูก่อนนะครับ) มุมถ่ายภาพเก๋ ๆ เยอะมาก...ที่สำคัญ แอร์เย็นฉ่ำ ถ่ายภาพกันสนุกเลยครับ

เห็นภาพแต่ละมุมกันแล้ว ก็พอจะนึกออกแล้วนะครับ ว่าถ้ามาเที่ยวที่นี่ ควรแต่งตัวกันยังไง ถ่ายภาพมุมไหน รับรองสนุกแน่

ลงมาชั้น 3 จะจำลอง สภาพป่า “ดงพญาไฟ” (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ดงพญาเย็น) ครับ ห้องนี้แสดงให้เห็นว่า ช่วงปี 2499 ที่คุณโชคชัย มาบุกเบิกทำไร่ที่นี่ยังเป็นป่าดงดิบ สัตว์ป่าชุกชมมากครับ

ลงมาชั้น 2 จะเป็นพวก ของสะสมชนิดต่าง ๆ มากมายเลยครับ

โซนนี้เอาใจคนชอบถ่ายภาพที่สุด โดยจะรวบรวมกล้องถ่ายภาพ และเลนส์ ที่สะสมชนิดพิเศษมากมาย เช่นกล้องที่มีเลนซ์ซูมใหญ่ที่สุดในโลก 360 – 1,200 มิลลิเมตร กล้องที่ทนทานที่สุดในโลก ตกจากเครื่องบินสูงถึง 27,000 ฟิต ยังคงสภาพใช้การได้เช่นเดิม และเลนส์ที่มีราคาสูงที่สุด ขนาด 800 มม. ใช้เวลาผลิตถึง 3 ปี

ถัดมาห้องนี้ต้องถูกใจหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ แน่ ๆ  เพราะเป็นห้องรวบรรวม อาวุธคู่ใจคาวบอยสุดยอดปืนสะสมหายากชนิดต่าง ๆ กว่า 400 กระบอก ปืนสั้นแกะสลักด้วยทองคำแท้ กระบอกเดียวในโลก รวมอยู่ที่เดียวครับ

ปืนสั้น ปืนยาว สองกระบอกนี่คือ อาวุธคู่กาย ของคุณโชคชัย ที่ใช้งานจริงครับ

คริสตัลรูปเพชรเจียระไน ขนาดใหญ่ น้ำหนัก 23 กิโลกรัม ทั่วโลกมีเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น รวมถึงคริสตัลล้ำค่ากว่า 500  ชุด จาก Swarovski และคริสตัลปิระมิด ที่หาชมได้ยาก มีเพียง 100 ชิ้นในโลกเท่านั้น และอีกหลากหลายคอลเลคชั่นที่งดงามมากครับ

ชั้นล่างเอาใจคนชอบรถยนต์คลาสิค ถือว่าเป็นที่ ๆ รวบรวมสุดยอดรถยนต์ที่หาชมได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz 300 SL Gull Wing กางปีกโชว์ สะท้อนความคลาสิคอย่างมีระดับมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท หรือ Jaguar สุดยอดสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ 12 สูบ และ Cadillac สุดยอดยนตรกรรมคลาสสิค สไตล์อเมริกัน ….คือ แต่ละคันต้องยืนดูนาน ๆ ซึมซับความงดงาม ของศิลปการออกแบบในแต่ละยุคสมัย ขอบอกว่า ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ

เดินถ่ายภาพรถคลาสิค จนอิ่มใจเต็มที่แล้ว แวะเข้าไปร้านขายของที่ระลึกซะหน่อยดีกว่า...ต้องบอกเลยว่า ถ้าใครชื่นชอบสไตล์คาวบอย ล่ะก็เข้ามาร้านนี้ไม่ผิดหวังครับ มีสินค้าหลากหลายสไตล์คันทรี่ ให้เลือกช๊อปกันจุใจเลย

เดินถ่ายภาพจนเริ่มเมื่อย คอก็แห้ง เลยถือโอกาสมานั่งกินกาแฟให้ชื่นใจก่อนกลับ กทม. ครับ...ที่นี่มี Coffee Shop ไว้บริการพร้อมอยู่แล้ว

พิพิธภัณฑ์โชคชัย 172 หมู่ 2 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30450

เปิดทำการ วันอังคาร-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

เวลา 09:30-16:30 น. (ปิดรับทัวร์กลุ่มสุดท้าย เวลา 16:30 น.)

ค่าเข้าชม ทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ผู้ใหญ่ 200 บาท

เด็ก    100 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 150 ซม.)

*เด็กส่วนสูงไม่เกิน 100 ซม.(เข้าชมฟรี)

แล้วเราจะพบกันอีกแน่นอน.....ขอบคุณที่ติดตามชมจนจบ ...โชคดีมีเงินใช้ทุกท่านครับ

9,762 views

0

แบ่งปัน

มิวเซียมในจังหวัดนครราชสีมา