สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสยามกับประเทศในยุโรปในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความต่อเนื่องและความเปลี่ยนแปลงในบริบททั้งปัจจัยภายในและภายนอก การดำเนินการความสัมพันธ์กับต่างประเทศ คือ การเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับประเทศตะวันตก และการมีบทบาทเป็นประเทศสมาชิกขององค์การสันนิบาตชาติ ต่อเนื่องจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 6 นับเป็นเวทีโลกระหว่างประเทศมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศมหาอำนาจ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนดินแดนเพื่อนบ้านที่อยู่ในการปกครองของประเทศอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ สิงคโปร์ ชวา และบาหลี ในปีพ.ศ. 2472 การเสด็จเยือนดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2473 และการเสด็จเยือน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น ในปีพ.ศ. 2474 รวมทั้งการเสด็จเยือนประเทศต่างๆในยุโรป พ.ศ.2476-2477 แสดงให้เห็นถึงการปรากฏสถานะและทิศทางใหม่ของประเทศสยามในการดำเนินความสัมพันธ์กับต่างประเทศในฐานะที่เป็นประเทศเอกราชที่มีความเท่าเทียมกับนานาอารยประเทศ
จากบริบทดังกล่าวสอดคล้องกับการศึกษาวันเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับทูลเกล้าถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศในโอกาสสำคัญต่างๆ ได้ 4 วาระสำคัญดังนี้ คือ
3.1 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก (ระหว่างพ.ศ. 2468-2469) ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราบ๊าธชั้นที่ 1 ของประเทศอังกฤษ(The Most Honourable Order of the Bath) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเลจองดอนเนอร์ชั้นที่ 1 ของประเทศฝรั่งเศส (L’Ordre National de la Legion D’ Honneur) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเลโอโปลด์ชั้นที่ 1 ของประเทศเบลเยี่ยม(The Order of Leopold) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราสิงห์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ (The Order of the Netherlands Lion) สังเกตได้ว่าเป็นประเทศที่เคยทูลเกล้าฯถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์สืบเนื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4, รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เป็นการสืบสานพระราชไมตรีเดิม
3.2 วาระในการทำสนธิสัญญาใหม่ (ระหว่างพ.ศ. 2469-2470) ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราช้าง ของประเทศเดนมาร์ก(The Order 0f The elephant) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่ง ตราอานุนซิอาตา ของประเทศอิตาลี (The Order of the Most Holy Annunciation)
3.3 วาระการฉลองพระนครครบ 150 ปี (ระหว่างพ.ศ. 2474-2475) ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซนต์โอลาฟ ของประเทศนอร์เวย์ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซราเฟิมของประเทศสวีเดน (The Royal Order of the Seraphim)
การเจริญสัมพันธไมตรีแลกเปลี่ยนเครื่องราชอิสริยาภรณ์เมื่อเสด็จประพาสยุโรป (ระหว่างพ.ศ. 2476- 2477) ได้แก่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไวท์ไลออนของประเทศเชคโกสโลวาเกีย (The Order of the White Lion) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ครัว เดอ เมริทของประเทศฮังการี (Le Croix de Merite) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์ชาร์ล ของประเทศโมนาโก (The Order of St.Charles) นับเป็นการริเริ่มพระราชไมตรีกับประเทศใหม่ๆในทวีปยุโรปจากการเสด็จเยือนประเทศยุโรป 9 ประเทศซึ่งมีทั้งการสืบสานและริเริ่มพระราชไมตรีใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
การศึกษาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงนับเป็นเครื่องแสดงถึงความเชื่อมโยงกับพระวิเทโศบายเพื่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศต่างๆในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ