สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
“ ตระกูลหงส์เป็นตำนาน สองวิหารงามสง่า พระธาตุดอยโดนคนศรัทธา ชาวประชาสามัคคี ”เป็นคำขวัญของหมู่บ้านของฉันเอง วังหงส์เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีประชากรประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งมีทั้งหมด 7 อยู่ห่างจากตัวเมืองแพร่ 17 กิโลเมตร หมู่บ้าน บ้านวังหงส์ตั้งขึ้นมาก่อนปี 2440 มีอายุกว่า 200 ปี บรรพบุรุษของชาววังหงส์ตามประวัติการเล่าขาน อพยพมาจากตำบลในเวียง อำเภอเมือง คือบ้านน้ำคือ บ้านเชตวัน บ้านประตูมาร หมู่บ้านของฉันมีโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ มีนักเรียนไม่มากมายนักเนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่เดินทางเข้าไปเรียนหนังสือในตัวจังหวัดกัน ดังนั้นจึงมีนักเรียนจากหมู่บ้านใกล้เคียงมาร่วมเรียนด้วยกัน ซึ่งนับว่าเป็นผลดีเลยทีเดียว เนื่องจากทำให้มีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น การเรียนการสอนก็คล่องขึ้น ตำบลวังหงส์มีวัดอยู่ 2 วัด ซึ่งเรียกกันว่า วัดวังหงส์ใต้ และวัดวังหงส์เหนือ ซึ่งจะแบ่งกันตามศรัทธาของประชาการในหมู่บ้าน แต่ตามหลักความจริงแล้วนั้น ทั้งวัดวังหงส์เหนือ และ วัดวังหงส์ใต้ เวลามีงานต่างๆ ทุกคนในตำบลวังหงส์ก็ช่วยงานกันได้ทั้ง 2 วัด ตำบลวังหงส์ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ หรือเรียกง่ายๆติดปากว่า พืชสวนแพร่ อยู่ห่างจากหมู่บ้านเพียง 5 กิโลเมตร บริเวณป่าสงวนแห่งชาติห้วยขี้เบี้ย ซึ่งเป็นศูนย์แปลงทดลองและผลิตพันธ์ไม้ผล และเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำสวนผลไม้ ไม้ยืนต้น พันธ์ไม้ดอกไม้ประดับ ให้กับประชาชนทั่วไป และจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่พืชสวนของเราจะมีดอกไม้บานสะพรั่ง พร้อมต้อนรับผู้คนที่เข้าไปเยี่ยมชมพืชสวนอีกด้วย และยังมีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คือ พระธาตุดอยโตน ซึ่งอู่ในเขตของหมู่ที่ 5 ตำบล วังหงส์ พระธาตุดอยโตนนี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2522 เป็นการสร้างขึ้นมาด้วยแรงศรัทธาและแรงสามัคคีของชาวบ้านในตำบลวังหงส์อย่างแท้จริง พระธาตุดอยโตนล้อมรอบไปด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีอากาศที่ดี เย็นสบาย และยังมีพระเจ้าทันใจซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อ ถ้ามาตั้งจิตอธิฐานขอพรก็จะสมปรารถนา ทุกๆปีจะมีประเพณีขึ้นธาตุ สืบชะตา กินสลากภัตต์ ทำบุญให้ผู้ล่วงลับไปแล้วและงานที่จัดนั้น ก็
และที่สำคัญที่สุดที่ฉันอยากจะเล่าถึงคือ “ อนุสรณ์สถานตำนานหงส์ ” ซึ่งจะเป็นการเกี่ยวพันถึงชื่อหมู่บ้านของฉัน บ้านวังหงส์ดั้งเดิมมีพื้นที่ใกล้หนองน้ำขนาดใหญ่ใสสะอาดและลึกมาก มีป่าไม้ล้อมรอบเขียวชอุ่มตลอดปี ทำให้มีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ ตามตำนานเล่าว่า มีหงส์สีขาวบริสุทธิ์ รูปร่างสวย สง่างาม อยู่ 2 ตัว เป็นหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมีย มาเล่นน้ำในหนองน้ำแห่งนี้และมียายแก่มาเก็บผักใกล้หนองน้ำได้เห็นหงส์คู่นี้ ลอยเคียงคู่เล่นน้ำอย่างมีความสุข เหมือนเป็นคู่รักที่ไม่มีวันพรากจากกัน เป็นภาพที่ประทับใจมาก ยายจึงรีบกลับบ้านและเล่าให้ชาวบ้านฟัง เมื่อชาวบ้านได้ยินก็อยากเห็นหงส์คู่นั้นมาก รุ่งขึ้นจึงพากันออกไปแอบดูหงส์คู่นั้น ทุกคนต่างก็ได้ชื่นชมกับหงส์ขาวคู่นั้น เมื่อชาวบ้านพากันมองดูหงส์ด้วยความชื่นชม หงส์ขาวคู่นั้นกลับตกใจกลัว จึงพากันบินออกไปจากหนองน้ำแห่งนั้นไปทันที ภาพของหงส์ขาวคู่นั้นยังติดตา ติดใจชาวบ้านที่ได้พบเห็น จึงชวนกันตั้งชื่อหนองน้ำแห่งนั้นว่า หนองหงส์
และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านหนองหงส์ ต่อมาในปี พ.ศ.2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติปกครองท้องถิ่นที่ออกเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น บ้านวังหงส์ จึงเรียกมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อตั้งชื่อว่าบ้านวังหงส์แล้ว ชาวบ้านก็ร่วมใจกันปั้นรูปหงส์ 2 ตัว ให้อยู่คู่กันไว้ บนฝั่งใกล้ๆ กับหนองหงส์เพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นที่สักการบูชาของชาวตำบลวังหงส์ เมื่อถึงวัน พญาวัน ในเทศกาลปีใหม่เมือง หรือสงกรานต์ ของทุกๆ ปี ชาวบ้านต่างก็พากันไปดำหัวหงส์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2525 ชาวบ้านต่างร่วมแรงร่วมใจสร้างศาลาเพื่อเป็นที่ตั้งของหงส์ขาวคู่ โดยฝีมือการปั้นของพ่อสล่านนท์ และพ่อสล่ากี เพื่อทดแทนรูปปั้นหงส์เดิมที่ชำรุด มีการเล่าสืบต่อกันมาว่าก่อนที่จะมีการปั้นรูปหงส์คู่นั้น มักจะมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เมื่อสร้างหงส์คู่ขึ้นมาใหม่และได้จัดพิธีบวงสรวงชาวบ้านก็อยู่ด้วยความสงบสุขตลอดมา ซึ่งจะมีการจัดงานขึ้นทุกวันที่ 16 เมษายน ของทุกๆปี ชาวตำบลวังหงส์ได้จัดให้มีพิธีกรรม ป๋าเวณีดำหัวหงส์ ซึ่งเป็นประเพณีที่งดงามและทรงคุณค่าต่อจิตใจของพวกเราชาววังหงส์ จะมีขบวนแห่ของแต่ละหมู่บ้าน มีการประกวดธิดาหงส์ การละเล่นของแต่ละหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านมีความสุข และภูมิใจในนประเพณีอันมีคุณค่าทางจิตใจของพวกเรา
และมีอีกอย่างคือที่หมู่บ้านของฉันล้วนแต่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วยหงส์กันทั้งนั้น อาจไม่ใช่เรื่องแปลกของคนในพื้นที่ แต่ถ้าคนจากที่อื่นได้มาฟังนามสกุลของพวกเราอาจคิดว่า แปลกจริงหนอ ฉันจึงอยากตัวอย่างนามสกุลของคนในหมู่บ้านฉันให้ฟัง เริ่มจาก หงส์หนึ่ง , หงส์สอง, หงส์สาม,หงษ์สี่, หงส์ห้า หงส์เจ็ด , หงส์แปด ,หงส์สิบเอ็ด, หงส์สิบสอง ,หงษ์สิบสาม, หงส์สิบสี่ , หงส์สิบเจ็ด, หงส์สิบแปด, หงส์ยี่สิบเอ็ด ….จนถึง หงส์สามสิบเก้า และสิ้นสุดที่ ปราบหงส์ บางคนเคยบอกว่า ถ้าไม่มี ปราบหงส์ ก็คงจะต่อไปอีกเรื่อยๆ นอกจากขึ้นต้นด้วยหงส์แล้ว ยังมี หงส์ทอง หงส์บินโบก หงส์สินสี หงส์แก้ว หงษ์แสง หงส์ร่อน หงส์เหิน และยังมีอีกมากมายหลายหงส์กันเลยทีเดียว ดั่งเพลงวังหงส์ที่คุณถนอมวงสามโทนได้แต่งไว้ ( คุณวิทยา เจตะภัย หรือ คุณถนอม สามโทน เป็นคนตำบลวังหงส์ ) ซึ่งทางหมู่บ้านของฉันจะเปิดก่อนประกาศเสียงตามสายทุกวันเช้า และเย็น จนทุกคนร้องได้กัน ซึ่งได้กลายเป็นบทเพลงประจำหมู่บ้านของพวกเราไปแล้วและเป็นบทเพลงที่ไพเราะมาก
“ วังหงส์แผ่นดินนี้ช่างสุขสม มีสายน้ำยมข้าลงเล่นมาแต่น้อย ขอบฟ้าโอบชิดจุมพิตยอดยอด
พระธาตุองค์น้อย ดอยโตนผู้คนศรัทธา วังหงส์ ค่ำลงเหมือนดั่งสวรรค์ ใต้ฟ้าแสงจันทร์ผูกพัน
รักกันนานมา พ่อเอย แม่เอยให้ลูกเกิดมา เป็นวาสนาเกิดมาในบ้านวังหงส์ วังหงส์คือตำนาน
เรื่องราวกล่าวขานโบราณว่าไว้ ว่ามีหงส์คู่ อยู่ร่วมรักจนตาย สร้างรักสร้างรักเอาไว้ สอนใจ
ให้ลูกวังหงส์ วังหงส์แผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน แม้จำจากจร อาวรณ์เหลือเกินวังหงส์
ชาตินี้หากชีวิตข้าสิ้นลง ชาติหน้าขอเกิดวังหงส์ ตราบจนฟ้าดินมลาย.... ”