สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
แม่น้ำบางปะกงเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออก มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำปราจีนบุรีไหลมาบรรจบกัน เมื่อไหลผ่านจังหวัดปราจีนบุรีเรียกว่าแม่น้ำปราจีนบุรี เมื่อไหลผ่านจังหวัดฉะเชิงเทราเรียกว่าแม่น้ำบางปะกง ไหลออกสู่ทะเลบริเวณอ่าวไทยที่ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แม่น้ำบางปะกงเป็นแม่น้ำที่มีความพิเศษกว่าแม่น้ำสายอื่นคือมีทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย ขึ้นอยู่กับในแต่ละเดือนที่มีน้ำทะเลหนุน เช่น เดือนกรกฎาคมถึงมกราคมจะเป็นน้ำจืด เดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายนจะเป็นน้ำกร่อย เนื่องจากได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนเข้ามาบริเวณแม่น้ำ แม่น้ำบางปะกงจึงเป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงมาอย่างยาวนานนับเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ผู้คนใช้เป็นแหล่งอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรกรรม การทำประมงแล้วยังเกิดประเพณีสำคัญของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา นั่นคือ "ประเพณีแห่หลวงพ่อโสธรทางน้ำ" ซึ่งทางวัดจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำได้นมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร นอกจากนี้ในอดีตแม่น้ำบางปะกงยังใช้เป็นเส้นทางการคมนาคมสายหลักก่อนที่จะมีการสร้างถนนและสาธารณูปโภคอื่นๆ ในช่วงปี 2504-2514 ซึ่งมี "อำเภอบางคล้า" เป็นจุดแวะพักเรือสายต่างๆ ก่อนจะเดินทางเข้าสู่อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทราและประชาชนสามารถเดินทางด้วยรถไฟมายังจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเรือต่างๆ ตามเส้นทางเดินเรือ ดังนี้ 1. เรือแดง ชาวบ้านเล่าว่าลักษณะของเรือจะมีสีแดงทั้งลำ เป็นเรือขนาดใหญ่ มีปล่องระบายควันถึง 2 ปล่อง วิ่งรับผู้โดยสารจากจังหวัดปราจีนบุรี แล้วมาหยุดพักเรือที่อำเภอบางคล้าประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วจึงเดินทางไปยังอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อไปส่งผู้โดยสารที่จะเดินทางต่อไปยังจังหวัดกรุงเทพมหานคร 2. เรือเขียว จะมีลักษณะเป็นสีเขียวทั้งลำ วิ่งรับผู้โดยสารจากอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราแล้วมาหยุดพักที่อำเภอบางคล้าประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงเดินทางไปส่งผู้โดยสารที่อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทราเช่นเดียวกับเรือแดง 3. เรือขาว จะมีความแตกต่างจากเรือแดงและเรือเขียวคือเป็นเรือกระแชงขนาดกลางที่ชาวบ้านทำขึ้นเพื่อรับส่งผู้โดยสารระยะใกล้ๆ ที่จะเดินทางข้ามฝั่งแม่น้ำบางปะกงเท่านั้น ปัจจุบันเส้นทางการคมนาคมทางน้ำได้ยกเลิกไป เหลือเพียงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำใช้เรือในการเดินทางระยะใกล้ๆ เมื่อมีถนนตัดผ่านเส้นทางต่างๆ ทำให้ผู้คนนิยมใช้เส้นทางการคมนาคมทางบกมากขึ้น ร่องรอยของท่าเรือในอดีตก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก เช่น ท่าเรือแดงในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ในปี 2556 ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณชายฝั่งแม่น้ำบางปะกงไปจนถึงบริเวณหน้าตลาดน้ำบางคล้า ทำให้ท่าเรือในอดีตถูกรื้อทิ้งและปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ใหม่เป็นการสร้างศาลาริมน้ำเล็กๆบริเวณริมแม่น้ำบางปะกงแทน จากจุดแวะพักเรือที่เคยคึกคักในอดีต เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางคมนาคมจากทางน้ำมาเป็นทางบก ทำให้บางอำเภอที่เรือโดยสารเคยวิ่งผ่านกลายเป็นเมืองปิด ไม่ใช่เป็นเมืองที่เรือโดยสารเคยวิ่งผ่านดังเช่นในอดีตอีกต่อไป