สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
สิม และความหมายของสิม สิม มีความหมายที่แปลงมาจากคำว่า สีมา สิมมา หรือพัทธสีมา นั้นเอง โดยจากข้อมูลการศึกษาจะพบเห็นและปรากฏในคำจารึกบนแผ่นหินต่างๆที่ประกาศจิตเจตนาที่จะอุทิศของผู้สร้างปักไว้โดยรอบบริเวณสิม หรือด้านหลังสิมมีปรากฏอยู่ทั่วไป ซึ่งนัยและการตีความของคำว่าสิม จึงอาจหมายถึง ลักษณะของการกำหนดเขตแดนในการประชุมทำสังฆกรรมในกิจของสงฆ์ ซึ่งมีแผ่นสีมาหินอันเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์บ่งชี้ถึงการแสดงขอบเขตรอบบริเวณตัวสิม เป็นต้น ในนิยามของสิมอีสาน หรือ หรือในภาษาโดยทั่วไปที่หมายโบสถ์นั้นเอง โดยลักษณะโดยทั่วไปของสิมได้มีการจำแนกออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ สิมน้ำและสิมบก โดยสิมน้ำ (อุทกกเขสีมา)นั้นจะเป็นลักษณะการก่อสร้างตัวอาคารของสิมนั้นจะตั้งอยู่ที่กลางน้ำ เช่น สระ บึง หนอง เป็นต้น และส่วนสิมบกนั้นมักเป็นการก่อสร้างนิยมสร้างกันเป็นส่วนใหญ่ซึ่งจะมีการก่อสร้างอยู่บนพื้นดินจึงนิยามเรียกว่าสิมบก ซึ่งสิมบก สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ด้วยเช่นกัน คือ คามสีมา คือสิมที่สร้างในหมู่บ้านหรือชุมชน ส่วนอัพภันตรสีมา เป็นสิมสิมที่สร้างในพื้นที่ป่า แต่บางที่ก็อาจมีสิมน้ำในป่าด้วยเช่นกัน แต่ส่วนมากมีน้อยและไม่นิยมสร้างกันและปัจจุบันพบเห็นน้อยมากเนื่องจากการชำรุดพุพังไปตามกาลเวลาอันเนื่องมาจากวัสดุที่ใช้ก่อสร้างทำมาจากไม้ เป็นส่วนใหญ่
สิมวัดบ้านหนองขาม ตั้งอยู่ที่ วัดบ้านหนองขาม ตำบลดอนงัว อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ตามประวัติมีการก่อตั้งขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ.2442 เป็นต้นมา ซึ่งลักษณะของสิมวัดบ้านหนองขามเป็นลักษณะการก่อสร้างแบบสิมบก โดยลักษณะของสิมวัดบ้านหนองมีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวอาคารก่อด้วยอิฐถือปูน มีความกว้าง 15 เมตร ยาว 21 เมตร มีการก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2517 ลักษณะตัวอาคารเป็นแบบสิมทึบและการตกแจ่งก่อสร้างแบบศิลปะญวน ตัวอาคารหันหน้าไปทางด้านทิศวันออก และมีประตูทางขึ้น 1 บาน เพียงด้านเดียวด้านหน้างเข้ามีหน้าต่างหลอกตกแต่งเป็นซุ้มโค้งมีรูปปูนปั้นทหารถือปูนประดับใรกรอบบานหน้าต่าง ตัวผนังอาคารเป็นแบบทึบ มีหน้าต่าง ด้านละจำนวน 4 บาน แต่หน้าต่างหลอก 2 บาน และเป็นหน้าต่างจริง 2 บาน ลักษณะการตกแต่งหน้าต่างเป็นแบบซุ้มโค้งมีปฏิมากรรมพระพุทธณุปปูนปั้นนูนต่ำประดับอยู่บานหน้าต่างหลอกและบันไดทางขึ้นเพียงด้านเดียวเช่นกัน มีรูปสัตว์ปูนปั้น เป็นรูปสิงโตคู่่หมอบอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า ตัวโครงสร้างหลังคาเป็นหลังคาแบบทรงจั่ว และมีหลังคาปีกนกและมีเสารองรับโดยรอบ โดยตัวคารสิมหลังนี้ได้มีการทำการบูรณะและแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2559 โดยกรมศิลปากร ที่ 9 จังหวัดขอนแก่น