ท่ามกลางกระแสสงครามอันโหดร้าย ในประเทศซีเรีย อันมีเมืองอเลปโป (Aleppo) เป็นศูนย์กลางของวินาศภัยแสนอำมหิต ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555 สงครามที่ถูกซุบซิบกันดังๆ ว่าเป็น ‘สงครามตัวแทน’ ระหว่างฝ่ายรัฐบาลเผด็จการของซีเรีย ที่มีพันธมิตรเป็น อิหมีเสนห์ และรัสเซีย กับฝ่ายกบฏ ซึ่งมีพันธมิตรสำคัญนำโดย สหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย และตุรกีนั้น ก็ไม่ด้วยเปิดฉากฟาดฟันกันอยู่เฉพาะในเมองอเลปโปหรอกนะครับ
ในสมรภูมินอกเมืองอเลปโป (และถ้าจะกล่าวให้ชัดลงไปแล้วน่าจะเรียกว่า ‘สมรภูมิทางการฑูต’ มากกว่า) พวกเขาก็เปิดฉากฟาดฟันกันด้วย แถมตัวเอกในสมรภูมิฉากนี้ยังเป็น ‘โบราณวัตถุ’ ที่มีเรื่องเกี่ยวพันกับเส้นทางการค้าโบราณวัตถุ และใครบางคนจากมิวเซียมอีกต่างหาก
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี (Hassan Rouhani) แห่งประเทศอิหมีเสนห์ ได้รับสายโทรศัพท์ครั้งประวัติศาสตร์ของโลก ในขณะที่เขาอยู่ระหว่างภารกิจการเยือนมหานครนิวยอร์ค
โทรศัพท์สายนั้นปลายทางมาจาก บารัค โอบามา (Barack Obama) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ณ ขณะจิตนั้น และนี่ถือเป็นติดต่อกันโดยตรงเป็นครั้งแรกระหว่างผู้นำสูงสุดของพวกอเมริกัน และชาวอิหมีเสนห์ นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามเมื่อปี พ.ศ. 2522 เลยทีเดียว
ใจความสำคัญที่โอบามาบอกกับรูฮานีก็คือ ‘พวกเรามีของขวัญจะมอบให้กับคุณ’
รูฮานีประกาศข่าวสำคัญนี้ พร้อมนำของขวัญชิ้นดังกล่าวออกโชว์ตัวที่ท่าอากาศยานกรุงเตหะราน ประเทศอิหมีเสนห์ ในวันที่ 28 กันยายน คืออีกสองวันต่อมา
ของขวัญชิ้นดังกล่าวคือ ประติมากรรมรูปกริฟฟิน (Griffin) สัตว์ในจินตนิยาย ที่มีลำตัวเป็นสิงโตแต่มีหัวและปีกอย่างนกอินทรี ของพวกตะวันออกกลาง ที่แพร่กระจายเข้าไปอยู่ในเทพปกรณ์ของพวกกรีก-โรมันด้วย
ทั้งสำนักข่าวในประเทศอิหมีเสนห์และทางการสหรัฐเองออกมาให้ข้อมูลตรงกันว่า กริฟฟินรูปนี้ทำจากเงิน และสร้างขึ้นเมื่อ 2,700 ปีมาแล้ว ตัวกริฟฟินถูกนำเข้ามาในสหรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2546 ตามเส้นทางการค้าโบราณวัตถุ
สหรัฐอเมริกายินดีส่งมอบ ‘หลักฐานแห่งอารยธรรมเปอร์เซีย’ เพื่อการเจริญสัมพันธไมตรีกับอิหมีเสนห์ในภายหน้า
เรื่องราวดูเหมือนจะชื่นมื่นนะครับ แต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา แมกกาซีนออนไลน์ชื่อดังของพวกยิวที่ชื่อ ‘แท็บเล็ต’ (Tablet) ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไร ได้เริ่มจุดกระแสในการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ไว้ในบทความที่ชื่อ ‘เรามอบโบราณวัตถุให้อิหมีเสนห์เป็นที่ระลึกถึงความเป็นมิตร ปัญหาเดียวที่มีคือ มันเป็นโบราณวัตถุปลอม’ (We Gave Iran an Antique as a Token of Goodwill. Only Problem? It’s Fake.) ที่เขียนโดยนายอเล็กซ์ จ็อฟฟี่ (Alex Joffe) เป็นบทความแรก (ก่อนที่จะมีผู้สงสัยตามมาอีเป็นพรวน) โดยเนื้อความข้างในก็เป็นอย่างชื่อบทความนั่นแหละครับ
ขอย้ำอีกครั้งว่า แท็บเล็ต เป็นแม็กกาซีนของชาวยิว เพื่อชาวยิว ดังนั้นเมื่อเขาพูดถึง อิหมีเสนห์ จึงต้องฟังหูไว้หู แต่ข้อมูลที่นายจ็อฟฟี่นำมาเสนอก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
นายจ็อฟฟี่นำเสนอข้อมูลของเส้นทางการค้าเจ้ากริฟฟินตัวปัญหานี่ โดยเริ่มจากปากคำของ นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะ และอารยธรรมของเมโสโปเตเมีย ซึ่งเพิ่งเกษียณจาก เมโทรโปลิแทน มิวเซียม ออฟอาร์ต (Metropolitan Museum of Art) ได้ไม่นานอย่าง ออสการ์ ไวต์ มัสคาเรลลา (Oscar White Muscarella) ที่ประกาศออกมาดังๆเลยว่า เจ้ากริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ทำขึ้นใหม่
เนื้อหาในบทความอ้างว่า กริฟฟินตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นในตลาดค้าโบราณวัตถุครั้งแรกที่แกลลอรีของนักค้าโบราณวัตถุของอิหมีเสนห์ที่มีชื่อเสียงในกรุงเจนีวา เมื่อปี พ.ศ. 2542 และถูกซื้อโดยนักสะสมสุภาพสตรีชาวนิวยอร์ค เมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยนักสะสมที่ไม่ถูกระบุชื่อผู้นี้ต้องการหลักฐานยืนยันว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของเก่าจริงๆ นักค้าโบราณวัตถุชื่อดังคนนั้นจึงได้ให้ผู้เชี่ยวชาญสามคนมายืนยัน ผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่ถูกระบุชื่ออีกเหมือนกันทั้งสามคนยืนยันตรงกันว่า กริฟฟินตัวนี้ถูกสร้างขึ้นทางตะวันตกของอิหมีเสนห์เมื่อ 2,700 ปีมาแล้ว
แต่เมื่อกริฟฟินตัวนี้เดินทางมาถึงกรุงนิวยอร์คในปี พ.ศ. 2546 นักค้าของเก่าชาวอิหมีเสนห์-สวิสเซอร์แลนด์ ที่ถูก Department of Homeland Security (เป็นหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาที่ความจริงแล้ว ตรวจจับเรื่องผู้ก่อการร้ายมากกว่า) จับกุมขณะนำกริฟฟินเข้าประเทศ กลับระบุว่า กริฟฟินตัวนี้สร้างขึ้นในซีเรีย ไม่ใช่อิหมีเสนห์ สุดท้ายเขาถูกภาคทัณฑ์ 1 ปี พร้อมเสียค่าปรับไป 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ นักสะสมคนนั้นได้รับเงินของเธอคืน ส่วนกริฟฟินตัวนั้น ถูกเก็บไว้ในสำนักงานของ Department of Homeland Security นั่นเอง
ไม่มีใครได้เห็นเจ้ากริฟฟินตัวนี้อีกเลย จนกระทั่งนายโอบามาส่งมอบมันให้กับผู้นำอิหมีเสนห์ ที่นายมัสคาเรลลาระบุว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ถูกทำขึ้นใหม่เป็นการพิจารณาจากภาพถ่ายเท่านั้น
แต่ข้อสันนิษฐานของมัสคาเรลลาก็น่าฟังอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศิลปะเมโสโปเตเมียที่ได้รับการยอมรับนับถือในวงกว้าง แต่ข้อสังเกตที่เขาตั้งขึ้นเกี่ยวกับลักษณะทางศิลปะของกริฟฟินตัวนี้ โดยเฉพาะที่ว่า เราไม่เคยพบ กริฟฟิน ที่มีแซกโซโฟน (griffin-as-saxophone design) ประดับอยู่ที่ตัวในโลกยุคโบราณที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับกริฟฟินตัวนี้ได้เลย (ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็น สฟิงค์ ม้ายูนิคอร์น มังกร พญานาค หรือแม้กระทั่งผีกระหังก็ตาม เราก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีตัวอะไรเอาปากแซกโซโฟนมาประดับที่ตัวอย่างนี้)
เป็นอันว่าที่มาของเจ้ากริฟฟินตัวนี้นั้นคลุมเครืออยู่มากจริงๆ
(ผมนึกประหลาดใจเมื่อนึกย้อนไปถึงบรรดาผู้นิยมสะสมโบราณวัตถุในบ้านเราว่า ขนาดเมืองฝรั่งมีระบบการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโบราณวัตถุที่ถูกนำออกประมูลทุกครั้ง เขายังมีของปลอมปะปนอยู่ได้ ของบ้านเราไม่มีระบบจัดเก็บข้อมูลใดๆ เลย อ้างกันซี้ซั้ว ทำไมยังกล้าจ่ายเงินซื้อความเสี่ยงที่จะถูกตุ๋นกันอีก?)
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากฝ่ายที่อ้างว่ากริฟฟินตัวนี้ปลอมแล้ว ก็ยังมีฝ่ายที่อ้างว่า กริฟฟินตัวนี้อาจะเป็นโบราณวัตถุที่มีอายุเก่าแก่จริงก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเชื่อกันว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ถูกลักลอบขุดค้นขึ้นมาจาก ถ้ำกัลมาการ์รา (Kalmakarra) ทางตะวันตกของประเทศอิหมีเสนห์ โดยอ้างกันว่า มีโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบขุดได้จากถ้ำที่ว่านี้กระจายไปอยู่ตามมิวเซียม แกลอรี และสถานที่สำคัญหลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นใน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ตุรกี และแม้กระทั่งญึ่ปุ่น รวมเป็นจำนวนร้อยกว่าชิ้นเลยทีเดียว
ผมคงไม่สามารถฟันธงลงไปได้หรอกนะครับว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของเก่าแก่อายุ 2,700 ปี จริงหรือเปล่า? แต่ถ้าถ้ากริฟฟินตัวนั้นจะเป็นของปลอมทำเหมือน อย่างที่สื่อเลือกข้างของพวกยิวเขาว่าไว้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมครับ ที่ส่งมอบกริฟฟินกันตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว อเลปโปก็ยังเป็นเมืองศูนย์กลางของสงครามตัวแทนดังกล่าว มาจนกระทั่งทุกวันนี้?
เพราะ ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างที่ผมอยากจะเพิ่มเติมข้อมูลให้ก็คือ ในเทพปกรณ์ของพวกกรีก ‘กริฟฟิน’ ถือเป็นสัตว์ที่เวียนวนอยู่รอบบัลลังก์ของเนเมซิส (Nemesis) เทพีแห่งการชำระแค้น โดยนัยยะหนึ่ง กริฟฟินจึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึง ‘การชำระแค้น’ ไปด้วย
ภาพประกอบ: กริฟฟินเจ้าปัญหา อายุ 2,700 ปี จากถ้ำกัลมาการ์รา(?) (ที่มาภาพ: https://altinstitute.files.wordpress.com/2015/04/kalmakarra_griffin.jpg)
ในสมรภูมินอกเมืองอเลปโป (และถ้าจะกล่าวให้ชัดลงไปแล้วน่าจะเรียกว่า ‘สมรภูมิทางการฑูต’ มากกว่า) พวกเขาก็เปิดฉากฟาดฟันกันด้วย แถมตัวเอกในสมรภูมิฉากนี้ยังเป็น ‘โบราณวัตถุ’ ที่มีเรื่องเกี่ยวพันกับเส้นทางการค้าโบราณวัตถุ และใครบางคนจากมิวเซียมอีกต่างหาก
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556 ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี (Hassan Rouhani) แห่งประเทศอิหมีเสนห์ ได้รับสายโทรศัพท์ครั้งประวัติศาสตร์ของโลก ในขณะที่เขาอยู่ระหว่างภารกิจการเยือนมหานครนิวยอร์ค
โทรศัพท์สายนั้นปลายทางมาจาก บารัค โอบามา (Barack Obama) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ณ ขณะจิตนั้น และนี่ถือเป็นติดต่อกันโดยตรงเป็นครั้งแรกระหว่างผู้นำสูงสุดของพวกอเมริกัน และชาวอิหมีเสนห์ นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามเมื่อปี พ.ศ. 2522 เลยทีเดียว
ใจความสำคัญที่โอบามาบอกกับรูฮานีก็คือ ‘พวกเรามีของขวัญจะมอบให้กับคุณ’
รูฮานีประกาศข่าวสำคัญนี้ พร้อมนำของขวัญชิ้นดังกล่าวออกโชว์ตัวที่ท่าอากาศยานกรุงเตหะราน ประเทศอิหมีเสนห์ ในวันที่ 28 กันยายน คืออีกสองวันต่อมา
ของขวัญชิ้นดังกล่าวคือ ประติมากรรมรูปกริฟฟิน (Griffin) สัตว์ในจินตนิยาย ที่มีลำตัวเป็นสิงโตแต่มีหัวและปีกอย่างนกอินทรี ของพวกตะวันออกกลาง ที่แพร่กระจายเข้าไปอยู่ในเทพปกรณ์ของพวกกรีก-โรมันด้วย
ทั้งสำนักข่าวในประเทศอิหมีเสนห์และทางการสหรัฐเองออกมาให้ข้อมูลตรงกันว่า กริฟฟินรูปนี้ทำจากเงิน และสร้างขึ้นเมื่อ 2,700 ปีมาแล้ว ตัวกริฟฟินถูกนำเข้ามาในสหรัฐเมื่อปี พ.ศ. 2546 ตามเส้นทางการค้าโบราณวัตถุ
สหรัฐอเมริกายินดีส่งมอบ ‘หลักฐานแห่งอารยธรรมเปอร์เซีย’ เพื่อการเจริญสัมพันธไมตรีกับอิหมีเสนห์ในภายหน้า
เรื่องราวดูเหมือนจะชื่นมื่นนะครับ แต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา แมกกาซีนออนไลน์ชื่อดังของพวกยิวที่ชื่อ ‘แท็บเล็ต’ (Tablet) ซึ่งเป็นกลุ่มไม่แสวงหาผลกำไร ได้เริ่มจุดกระแสในการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ไว้ในบทความที่ชื่อ ‘เรามอบโบราณวัตถุให้อิหมีเสนห์เป็นที่ระลึกถึงความเป็นมิตร ปัญหาเดียวที่มีคือ มันเป็นโบราณวัตถุปลอม’ (We Gave Iran an Antique as a Token of Goodwill. Only Problem? It’s Fake.) ที่เขียนโดยนายอเล็กซ์ จ็อฟฟี่ (Alex Joffe) เป็นบทความแรก (ก่อนที่จะมีผู้สงสัยตามมาอีเป็นพรวน) โดยเนื้อความข้างในก็เป็นอย่างชื่อบทความนั่นแหละครับ
ขอย้ำอีกครั้งว่า แท็บเล็ต เป็นแม็กกาซีนของชาวยิว เพื่อชาวยิว ดังนั้นเมื่อเขาพูดถึง อิหมีเสนห์ จึงต้องฟังหูไว้หู แต่ข้อมูลที่นายจ็อฟฟี่นำมาเสนอก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
นายจ็อฟฟี่นำเสนอข้อมูลของเส้นทางการค้าเจ้ากริฟฟินตัวปัญหานี่ โดยเริ่มจากปากคำของ นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญทางด้านศิลปะ และอารยธรรมของเมโสโปเตเมีย ซึ่งเพิ่งเกษียณจาก เมโทรโปลิแทน มิวเซียม ออฟอาร์ต (Metropolitan Museum of Art) ได้ไม่นานอย่าง ออสการ์ ไวต์ มัสคาเรลลา (Oscar White Muscarella) ที่ประกาศออกมาดังๆเลยว่า เจ้ากริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ทำขึ้นใหม่
เนื้อหาในบทความอ้างว่า กริฟฟินตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นในตลาดค้าโบราณวัตถุครั้งแรกที่แกลลอรีของนักค้าโบราณวัตถุของอิหมีเสนห์ที่มีชื่อเสียงในกรุงเจนีวา เมื่อปี พ.ศ. 2542 และถูกซื้อโดยนักสะสมสุภาพสตรีชาวนิวยอร์ค เมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยนักสะสมที่ไม่ถูกระบุชื่อผู้นี้ต้องการหลักฐานยืนยันว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของเก่าจริงๆ นักค้าโบราณวัตถุชื่อดังคนนั้นจึงได้ให้ผู้เชี่ยวชาญสามคนมายืนยัน ผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่ถูกระบุชื่ออีกเหมือนกันทั้งสามคนยืนยันตรงกันว่า กริฟฟินตัวนี้ถูกสร้างขึ้นทางตะวันตกของอิหมีเสนห์เมื่อ 2,700 ปีมาแล้ว
แต่เมื่อกริฟฟินตัวนี้เดินทางมาถึงกรุงนิวยอร์คในปี พ.ศ. 2546 นักค้าของเก่าชาวอิหมีเสนห์-สวิสเซอร์แลนด์ ที่ถูก Department of Homeland Security (เป็นหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาที่ความจริงแล้ว ตรวจจับเรื่องผู้ก่อการร้ายมากกว่า) จับกุมขณะนำกริฟฟินเข้าประเทศ กลับระบุว่า กริฟฟินตัวนี้สร้างขึ้นในซีเรีย ไม่ใช่อิหมีเสนห์ สุดท้ายเขาถูกภาคทัณฑ์ 1 ปี พร้อมเสียค่าปรับไป 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ นักสะสมคนนั้นได้รับเงินของเธอคืน ส่วนกริฟฟินตัวนั้น ถูกเก็บไว้ในสำนักงานของ Department of Homeland Security นั่นเอง
ไม่มีใครได้เห็นเจ้ากริฟฟินตัวนี้อีกเลย จนกระทั่งนายโอบามาส่งมอบมันให้กับผู้นำอิหมีเสนห์ ที่นายมัสคาเรลลาระบุว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ถูกทำขึ้นใหม่เป็นการพิจารณาจากภาพถ่ายเท่านั้น
แต่ข้อสันนิษฐานของมัสคาเรลลาก็น่าฟังอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศิลปะเมโสโปเตเมียที่ได้รับการยอมรับนับถือในวงกว้าง แต่ข้อสังเกตที่เขาตั้งขึ้นเกี่ยวกับลักษณะทางศิลปะของกริฟฟินตัวนี้ โดยเฉพาะที่ว่า เราไม่เคยพบ กริฟฟิน ที่มีแซกโซโฟน (griffin-as-saxophone design) ประดับอยู่ที่ตัวในโลกยุคโบราณที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับกริฟฟินตัวนี้ได้เลย (ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็น สฟิงค์ ม้ายูนิคอร์น มังกร พญานาค หรือแม้กระทั่งผีกระหังก็ตาม เราก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีตัวอะไรเอาปากแซกโซโฟนมาประดับที่ตัวอย่างนี้)
เป็นอันว่าที่มาของเจ้ากริฟฟินตัวนี้นั้นคลุมเครืออยู่มากจริงๆ
(ผมนึกประหลาดใจเมื่อนึกย้อนไปถึงบรรดาผู้นิยมสะสมโบราณวัตถุในบ้านเราว่า ขนาดเมืองฝรั่งมีระบบการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับโบราณวัตถุที่ถูกนำออกประมูลทุกครั้ง เขายังมีของปลอมปะปนอยู่ได้ ของบ้านเราไม่มีระบบจัดเก็บข้อมูลใดๆ เลย อ้างกันซี้ซั้ว ทำไมยังกล้าจ่ายเงินซื้อความเสี่ยงที่จะถูกตุ๋นกันอีก?)
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากฝ่ายที่อ้างว่ากริฟฟินตัวนี้ปลอมแล้ว ก็ยังมีฝ่ายที่อ้างว่า กริฟฟินตัวนี้อาจะเป็นโบราณวัตถุที่มีอายุเก่าแก่จริงก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเชื่อกันว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของที่ถูกลักลอบขุดค้นขึ้นมาจาก ถ้ำกัลมาการ์รา (Kalmakarra) ทางตะวันตกของประเทศอิหมีเสนห์ โดยอ้างกันว่า มีโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบขุดได้จากถ้ำที่ว่านี้กระจายไปอยู่ตามมิวเซียม แกลอรี และสถานที่สำคัญหลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นใน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อังกฤษ สวิสเซอร์แลนด์ ตุรกี และแม้กระทั่งญึ่ปุ่น รวมเป็นจำนวนร้อยกว่าชิ้นเลยทีเดียว
ผมคงไม่สามารถฟันธงลงไปได้หรอกนะครับว่า กริฟฟินตัวนี้เป็นของเก่าแก่อายุ 2,700 ปี จริงหรือเปล่า? แต่ถ้าถ้ากริฟฟินตัวนั้นจะเป็นของปลอมทำเหมือน อย่างที่สื่อเลือกข้างของพวกยิวเขาว่าไว้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมครับ ที่ส่งมอบกริฟฟินกันตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อนแล้ว อเลปโปก็ยังเป็นเมืองศูนย์กลางของสงครามตัวแทนดังกล่าว มาจนกระทั่งทุกวันนี้?
เพราะ ประเด็นที่น่าสนใจอีกอย่างที่ผมอยากจะเพิ่มเติมข้อมูลให้ก็คือ ในเทพปกรณ์ของพวกกรีก ‘กริฟฟิน’ ถือเป็นสัตว์ที่เวียนวนอยู่รอบบัลลังก์ของเนเมซิส (Nemesis) เทพีแห่งการชำระแค้น โดยนัยยะหนึ่ง กริฟฟินจึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึง ‘การชำระแค้น’ ไปด้วย
ภาพประกอบ: กริฟฟินเจ้าปัญหา อายุ 2,700 ปี จากถ้ำกัลมาการ์รา(?) (ที่มาภาพ: https://altinstitute.files.wordpress.com/2015/04/kalmakarra_griffin.jpg)
วันที่สร้าง : 24 เมษายน 2560
สร้างโดย
ความคิดเห็น
แจ้งข้อความไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น (0)
โหลดเพิ่มเติม
ป้าย
กระทู้ยอดนิยม