“วัดติโลกอาราม” เป็นวัดกลางน้ำที่ตั้งอยู่ในกว๊านพะเยา เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งที่เคยจมอยู่ใต้ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “กว๊านพะเยา” ซึ่งทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่นี้เกิดจากในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ กรมประมงได้สร้างประตูกั้นน้ำขึ้นเพื่อทำการกักเก็บน้ำ โดยเป็นการกั้นแม่น้ำอิงและลำธารลำน้ำสาขาต่าง ๆ ที่ไหลลงมาจากเทือกเขาผีปันน้ำ ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นท่วมพื้นที่โดยรอบทั้งสองข้างลำน้ำเป็นบริเวณกว้าง โดยเมื่อในอดีตนั้นพื้นที่ในบริเวณของกว๊านพะเยา จะมีหมู่บ้านและวัดตั้งอยู่หลายวัดรวมทั้ง “วัดติโลกอาราม” แห่งนี้ด้วย
“วัดติโลกอาราม” ซึ่งคาดว่าจะมีอายุเก่าแก่มากกว่า ๕๐๐ ปี แต่เดิมก่อนที่จะมีการกู้ขึ้นมาจากการจมอยู่ใต้น้ำนั้น ในช่วงฤดูแล้งระดับน้ำของกว๊านพะเยาลดลง จะมีแต่เพียงยอดเจดีย์องค์หนึ่งที่ก่อด้วยอิฐโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็น ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “สันธาตุกลางน้ำ” ต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้มีการสำรวจกว๊านพะเยา โดยคณะผู้สำรวจนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาในขณะนั้น ได้สำรวจผ่านบริเวณสันธาตุกลางน้ำและเกิดความรู้สึกสนใจ จึงร่วมกันคิดหาแนวทางการพัฒนาโดยอยากให้ “สันธาตุกลางน้ำ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา ต่อมามีการร่วมแรงร่วมใจกันหลายฝ่ายช่วยกันลงพื้นที่พัฒนาบริเวณสันธาตุกลางน้ำ มีการปรับปรุงยกระดับพื้นที่ให้สูงขึ้นจากน้ำ มีการบูรณะสิ่งก่อสร้างเดิมให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยระหว่างที่มีการบูรณะกนั้น มีการพบแผ่นหินทรายที่มีการจารึกด้วย “อักษรฝักขาม” อักษรล้านนาโบราณ ซึ่งต่อมาได้ส่งแผ่นหินทรายนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและภาษาล้านนาช่วยกันพิสูจน์ ปรากฏว่าข้อความที่จารึกบนแผ่นหินทรายนั้น ระบุประวัติความเป็นมาของวัดไว้อย่างชัดเจนโดยมีเนื้อหาใจความพอสรุปได้ว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” กษัตริย์ล้านนาผู้ครองเมืองเชียงใหม่ กษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งราชวงศ์มังราย สร้างขึ้นโดยใช้เวลาประมาณ ๑๐ ปี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๙ – ๒๐๒๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนาในขณะนั้น และวัดนี้ถือเป็นพระอารามหลวงหรือวัดหลวงในรัชสมัยอีกด้วย เนื่องจากเป็นวัดที่กษัตริย์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พระราชทานทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จจึงมีการตั้งชื่อวัดนี้ว่า “วัดติโลกอาราม”
“วัดติโลกอาราม” ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อศิลา” พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างพะเยา คาดว่ามีอายุกว่า ๕๐๐ ปีเช่นกัน มีการค้นพบในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ในวัดร้างแห่งหนึ่งในกว๊านพะเยา ซึ่งชาวบ้านร่วมกันอัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้วนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีอุโมงค์คำ ต่อมามีการบูรณะกู้วัดติโลกอารามขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ จึงได้มีการอัญเชิญ “หลวงพ่อศิลา” มาประดิษฐานไว้บนฐานบุษบกที่ก่อขึ้นจากอิฐดินเผา บริเวณลานดินกว้างของวัดติโลกอาราม
ณ “วัดติโลกอาราม” ในทุก ๆ วันพระใหญ่ของปีทั้ง ๓วันคือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา จะมีกิจกรรม “เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก” ซึ่งมีความแตกต่างจากการเวียนเทียนธรรมดาในวัดอื่น ๆ คือ ผู้มาเวียนเทียนจะนั่งอยู่บนเรือแจวที่พายเวียนวนรอบวัด ซึ่งมีการจัดกิจกรรมนี้เรื่อยมาทุกๆปี แต่ด้วยภาวะภัยแล้งรุนแรงในปี ๒๕๕๙ ทำให้ปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาแห้งลงมาก จนไม่สามารถพายเรือไปยังวัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยาได้ จึงได้มีผู้มีแนวคิดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยร่วมกับชาวบ้านชุมชนวัดติโลกอาราม ชมรมเรือพายพื้นบ้าน พ่อค้า ประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาโดยทั่วไป ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์และแรงงาน ก่อสร้างสะพานไม้ไผ่ลอยบนผิวน้ำขึ้น เพื่อเป็นทางเดินเชื่อมจากท่าเรือไปยังวัดติโลกอาราม เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างๆ สามารถเดินทางเข้าไป “เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก” ณ “วัดติโลกอาราม” ได้ ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำในกว๊านพะเยาได้เพิ่มสูงขึ้น สามารถพายเรือไปเวียนเทียนรอบวัดได้ดังเดิมแล้ว จึงมีการรื้อถอนสะพานไม้ไผ่ดังกล่าวออกไป
เนื้อหาและภาพถ่ายโดย นายเชิดชาย แก้วนรินทร์
“วัดติโลกอาราม” ซึ่งคาดว่าจะมีอายุเก่าแก่มากกว่า ๕๐๐ ปี แต่เดิมก่อนที่จะมีการกู้ขึ้นมาจากการจมอยู่ใต้น้ำนั้น ในช่วงฤดูแล้งระดับน้ำของกว๊านพะเยาลดลง จะมีแต่เพียงยอดเจดีย์องค์หนึ่งที่ก่อด้วยอิฐโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็น ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “สันธาตุกลางน้ำ” ต่อมาใน ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้มีการสำรวจกว๊านพะเยา โดยคณะผู้สำรวจนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาในขณะนั้น ได้สำรวจผ่านบริเวณสันธาตุกลางน้ำและเกิดความรู้สึกสนใจ จึงร่วมกันคิดหาแนวทางการพัฒนาโดยอยากให้ “สันธาตุกลางน้ำ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดพะเยา ต่อมามีการร่วมแรงร่วมใจกันหลายฝ่ายช่วยกันลงพื้นที่พัฒนาบริเวณสันธาตุกลางน้ำ มีการปรับปรุงยกระดับพื้นที่ให้สูงขึ้นจากน้ำ มีการบูรณะสิ่งก่อสร้างเดิมให้มีความแข็งแรงขึ้น โดยระหว่างที่มีการบูรณะกนั้น มีการพบแผ่นหินทรายที่มีการจารึกด้วย “อักษรฝักขาม” อักษรล้านนาโบราณ ซึ่งต่อมาได้ส่งแผ่นหินทรายนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและภาษาล้านนาช่วยกันพิสูจน์ ปรากฏว่าข้อความที่จารึกบนแผ่นหินทรายนั้น ระบุประวัติความเป็นมาของวัดไว้อย่างชัดเจนโดยมีเนื้อหาใจความพอสรุปได้ว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” กษัตริย์ล้านนาผู้ครองเมืองเชียงใหม่ กษัตริย์ลำดับที่ ๙ แห่งราชวงศ์มังราย สร้างขึ้นโดยใช้เวลาประมาณ ๑๐ ปี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๙ – ๒๐๒๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรล้านนาในขณะนั้น และวัดนี้ถือเป็นพระอารามหลวงหรือวัดหลวงในรัชสมัยอีกด้วย เนื่องจากเป็นวัดที่กษัตริย์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พระราชทานทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จจึงมีการตั้งชื่อวัดนี้ว่า “วัดติโลกอาราม”
“วัดติโลกอาราม” ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อศิลา” พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นจากหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างพะเยา คาดว่ามีอายุกว่า ๕๐๐ ปีเช่นกัน มีการค้นพบในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ในวัดร้างแห่งหนึ่งในกว๊านพะเยา ซึ่งชาวบ้านร่วมกันอัญเชิญขึ้นจากน้ำแล้วนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีอุโมงค์คำ ต่อมามีการบูรณะกู้วัดติโลกอารามขึ้นจนเป็นผลสำเร็จ จึงได้มีการอัญเชิญ “หลวงพ่อศิลา” มาประดิษฐานไว้บนฐานบุษบกที่ก่อขึ้นจากอิฐดินเผา บริเวณลานดินกว้างของวัดติโลกอาราม
ณ “วัดติโลกอาราม” ในทุก ๆ วันพระใหญ่ของปีทั้ง ๓วันคือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา จะมีกิจกรรม “เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก” ซึ่งมีความแตกต่างจากการเวียนเทียนธรรมดาในวัดอื่น ๆ คือ ผู้มาเวียนเทียนจะนั่งอยู่บนเรือแจวที่พายเวียนวนรอบวัด ซึ่งมีการจัดกิจกรรมนี้เรื่อยมาทุกๆปี แต่ด้วยภาวะภัยแล้งรุนแรงในปี ๒๕๕๙ ทำให้ปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาแห้งลงมาก จนไม่สามารถพายเรือไปยังวัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยาได้ จึงได้มีผู้มีแนวคิดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยร่วมกับชาวบ้านชุมชนวัดติโลกอาราม ชมรมเรือพายพื้นบ้าน พ่อค้า ประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาโดยทั่วไป ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์และแรงงาน ก่อสร้างสะพานไม้ไผ่ลอยบนผิวน้ำขึ้น เพื่อเป็นทางเดินเชื่อมจากท่าเรือไปยังวัดติโลกอาราม เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างๆ สามารถเดินทางเข้าไป “เวียนเทียนกลางน้ำ หนึ่งเดียวในโลก” ณ “วัดติโลกอาราม” ได้ ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำในกว๊านพะเยาได้เพิ่มสูงขึ้น สามารถพายเรือไปเวียนเทียนรอบวัดได้ดังเดิมแล้ว จึงมีการรื้อถอนสะพานไม้ไผ่ดังกล่าวออกไป
เนื้อหาและภาพถ่ายโดย นายเชิดชาย แก้วนรินทร์
วันที่สร้าง : 27 มิถุนายน 2560
สร้างโดย
ความคิดเห็น
แจ้งข้อความไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น (0)
โหลดเพิ่มเติม
ป้าย
กระทู้ยอดนิยม