ลำเรือนี้ทำจากไม้ตะเคียนทั้งต้น โดยมีความยาวถึง 19.47 เมตร กว้าง 2.09 เมตร                          สูง 1 เมตร กาบเรือหนา 7.5 เซนติเมตร ตั้งอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ พันท้ายนรสิงห์

                           ฉันตั้งใจถ่ายรูปนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างลำตัวของสุนัขที่อ้วนท้วนกับขนาดของลำเรือ

                          ชาวบ้านเชื่อว่า ซากเรือโบราณลำนี้    “เมื่อครั้งหนึ่งในอดีต เคยร่วมอยู่ในขบวนเสด็จ”

                          ฉันอดเสียไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงความรุ่งเรืองในยุคหนึ่งของเรือลำนี้ เมื่อมองเข้าไปในลำเรือ ภาพในอดีตทับซ้อนฉายเข้ามาในความคิด ทหารทุกคนแต่งกายอยู่ในชุดสีแดงแลดูสง่างามเมื่อนั่งอยู่ในเรือขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นมีพันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือเป็นทหารที่พระองค์ทรงโปรดปรานมากที่สุด เสียงฝีพายกระทบกันอย่างเป็นจังหวะ แหวกระลอกเกลียวคลื่นน้ำกระเซ็นแซ่ ระหว่างทางที่ขบวนเรือแล่นผ่านไป

                         กระทั่งเรือแล่นมาถึงตำบลโคกขาม ป่าที่มี เส้นทางคดเคี้ยว และเต็มไปด้วยต้นโกงกาง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แม้ว่าทหารทุกนายจะพยายามกันอย่างเต็มที่เต็มที่  ในเวลานั้นนายท้ายเรือพันท้ายนรสิงห์ได้ทำโขนเรือตกลงไปในน้ำ เป็นเหตุให้หัวเรือชนกิ่งไม้ใหญ่ริมคลอง

                        ตามกฎมณเทียรบาลพันท้ายนรสิงห์ต้องโทษถึงประหารชีวิต แต่พระเจ้าเสือทรงมีรับสั่งให้หาหุ่นปั้นปลอมตัดหัวหุ่นปั้นปลอมแทน พันท้ายนรสิงห์ไม่เห็นด้วยรับสั่ง จึงทูลขอให้มีรับสั่งใหม่ แม้ว่าพระเจ้าเสือต้องฝืนพระทัย แต่ภายหลังจึงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ ในเช้าตรู่ของวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2241 แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก พร้อมกับนำศีรษะของพันท้ายนรสิงห์ รวมไปถึงโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งไว้บูชาพร้อมกัน (โขนเรือ คือ ส่วนที่ต่อหัวเรือหรือท้ายเรือฉลุลวดลายประณีตงดงามโดยมีลักษณะงอนขึ้นไป) 

                      อนุสรณ์สถานภายในอุทยานเป็นที่ตั้งของ  ศาลพันท้ายนรสิงห์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดี เพื่อเป็นการตอกย้ำแก่อนุชนคนรุ่นหลัง ให้เห็นถึงความซื่อสัตย์และจงรักภักดีของบรรพชนคนรุ่นก่อน นอกจากมีศาลที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสักการบูชาแล้ว ก็ยังมีรูปปั้น พอ่พันท้าย ขนาดเท่าคนจริงอยู่ในท่าถือคัดท้าย ชาวบ้านในละแวกนั้นมักนิยมเรียกชื่อ พ่อพันท้าย

                   นอกจากการนำนวมชกมวย ไม้พาย มาขอพรและแก้บน รูปปั้นไก่แก้วก็นับว่าเป็นสิ่งของอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านนิยมนำมาสักการะบูชา  จะเห็นได้ชัดจากรูปปั้นไก่แก้วหลายพันตัวที่ตั้งเรียงรายแสดงถึงพลังแห่งความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อพ่อพัน        ท้ายนรสิงห์เป็นอย่างดี

                   ศาลของศรีนวลตั้งอยู่เคียงกันกับศาลพ่อพันท้ายในที่สร้างขึ้นมาในภายหลัง

“นวลเจ้าพี่เอย คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ  ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวนครวญคร่ำอาลัย

                               น้ำตาอาบแก้ม เพียงแซมเพชรไสว แวววับจับหัวใจ เคล้าแสงไต้ งามจับตา” 

                 ท่อนหนี่งของเพลง น้ำตาแสงใต้ หรือเพลงผีบอก เขียนโดยครูสง่า อารัมภีร์  เนื้อเพลงสะท้อนเรื่องราวความรักระหว่างพันท้ายนรสิงห์ที่มีต่อศรีนวลผู้เป็นภรรยา

                  การเดินทาง: จากถนนพระราม 2 บริเวณกิโลเมตรที่ 16-17 เข้าซอยข้างวัดพันท้ายไประยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร

                 สถานที่ตั้ง: ตั้งอยู่ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร