คำแนะนำการใช้งาน
ขยายขนาดตัวอักษร
เพิ่มระยะห่างตัวอักษร
เพิ่มขนาดลูกศรชี้
ตำแหน่ง
เส้นช่วยในการอ่าน
เน้นการเชื่อมโยง
ปรับชุดสี
เปิดการใช้งาน
ปิดการใช้งาน
คำแนะนำการใช้งาน
เริ่มต้นใช้งาน
Text Size

การขยายขนาดตัวอักษร

สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน

Text Spacing

การเพิ่มระยะห่างตัวอักษร

การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

Large Cursor

การเพิ่มขนาดลูกศรชี้ตำแหน่ง

ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%


Reading Guide

เส้นช่วยในการอ่าน

จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น

Highlight Links

เน้นการเชื่อมโยง

ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Change Color

เลือกปรับชุดสี

สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน

ย้อนกลับ

ดอยวาวี

จีนยูนนาน บนดอยวาวี

         เมื่อ พ.ศ.2465 พื้นที่บริเวณหมู่บ้านวาวี เลาลี แม่โมงเย้า ปางกุเส็ง จู้จี้(ดอยเวียง) ปางกลาง แหล่วู โป่งกลางน้ำ ขุนสรวย ยังเป็นป่าดงดิบ มีสัตว์ป่า เช่น ช้างป่า เสือ หมี กระทิง โดยเฉพาะหมูป่า มีเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน แฮว๊ะวี้ เป็นภาษาลาหู่ ซึ่งเป็นเผ่าเจ้าถิ่น อาศัยอยู่ตามยอดเขาบริเวณนี้ ต่อมาเพี้ยนเป็นวะวี และปัจจุบันนี้เพี้ยนมาเป็นหมู่บ้านวาวี จนเมื่อประมาณปี พ.ศ.2467 พ่อเฒ่าส่างนุ สุนา กับ พ่อเฒ่าส่างหล่อ และญาติ ๆ ที่เป็นผู้ชาย ได้ร่วมกันเข้าไปสำรวจต้นเมี่ยง (ต้นชา) ตามที่ได้ทราบข่าวจากชาวเขาเผ่าลาหู่ที่อาศัยทำไร่ข้าวอยู่ตามยอดเขาบริเวณต้นน้ำแม่สรวย(ขุนสรวย) ว่ามีต้นเมี่ยงป่าขึ้นอยู่ตามสองฝั่งลำห้วยแม่สรวย จึงได้เข้าไปสำรวจพบว่ามีมากพอที่จะทำสวนเมี่ยงได้หลายครอบครัว จึงตกลงพากันขึ้นมาตั้งหมู่บ้านขุนสรวย จัดแบ่งที่ป่าที่สำรวจพบต้นเมี่ยง แล้วจึงทำการบุกเบิกแผ้วถางในปีนั้น ปีแรกแผ้วถาง ทำเป็นไร่ข้าวก่อน เพื่อเป็นเสบียงอาหาร หลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวไร่เสร็จ พอดีกับต้นเมี่ยงก็แตกหน่อขึ้นมาสูงประมาณ 1 เมตร ก็ลงมือแผ้วถางหญ้าที่ขึ้นภายในไร่ข้าวเก่าทิ้งก็กลายเป็นสวนต้นเมี่ยงขึ้นมาแทน เพราะต้นเมี่ยงป่านั้นรากจะฝังลึกลงไปในใต้ดิน เวลาโดนไฟป่า จึงไม่ตาย พอเริ่มเข้าสู่กลางฤดูฝนก็เริ่มแตกหน่อจากใต้ดินขึ้นมาใหม่ หลังจากเก็บเกี่ยวถางหญ้าปีละ 2 ครั้ง เพียง 2 ปี ก็จะมีทรงพุ่มเก็บผลผลิตได้เต็มที่รอจนกว่าหมดฤดูเก็บเมี่ยงแล้วก็เตรียมนำออกไปจำหน่ายที่อำเภอฝาง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหมู่บ้านวาวีก็เป็นที่รู้จักว่าเป็นหมูบ้านปลูกชา แต่ก่อนยังขายเป็นชาสด

         ต่อมาในปี พ.ศ.2508 มีบริษัทชาหอม ซึ่งเจ้าของเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เข้ามาตั้งโรงงานโดยใช้เครื่องจักกลช่วงหลังมีการตกลงซื้อขายชาสดจากชาววาวี โดยมีพ่อเฒ่าส่างนุเป็นตัวแทนเจ้าของสวนชา และเริ่มมีการนำชาอู่หลงเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์โดยคนที่นำเข้ามาคนแรกคือ พินิจ พิทักษ์วาวี โดยคุณพินิจได้เล่าว่าเมื่อ 40 กว่าปีก่อนช้างลากเครื่องมือขึ้นมาจากฝางต้องใช้เวลา 18 วัน ที่นี่มีชา 4 ประเภท คือ ชาอัสสัม ชาอู่หลงก้านอ่อน ชาอู่หลงเบอร์ 12 และชาอู่หลงชิงชิง ครอบครัวพังโกประกอบอาชีพทำชามาตั้งแต่บรรพบุรุษ ชาอู่หลงมีการนำเข้ามาทีหลัง (อู่ = ดำ , หลง = มังกร) โดยพังโกได้ไปขโมยพันธุ์ชามาจากไต้หวันมาเพาะชำและขยายพันธุ์ โดยพังโกมีไร่ชาอู่หลงแห่งแรกของประเทศไทยชื่อไร่ศิริพรรณ ในไร่นี้มีชาอัสสัมอายุร้อยกว่าปีขึ้นอยู่ด้วย ชาในไร่นี้มีอายุ 22 ปี แต่มีชาอู่หลงต้นแรกเพียงต้นเดียวที่มีอายุ 24 ปี ไร่ชาแห่งนี้มีพื้นที่ 25 ไร่ เป็นชาอู่หลงก้านอ่อน 20 ไร่ และเป็นชาอู่หลงเบอร์ 12 อีก 5 ไร่ ชาอู่หลงก้านอ่อนเป็นชาลูกประสมระหว่างชาอู่หลงชิงชิงกับชาอู่หลงเบอร์ 12 ชาอู่หลงก้านอ่อนจึงเป็นชาที่มีกลิ่นหอมและรสชาตินุ่มชุ่มคอเพราะผสมระหว่างชาอู่หลงชิงชิงที่มีรสชาตินุ่มชุ่มคอ และชาอู่หลงเบอร์ 12 ที่มีกลิ่นหอม

         หมู่บ้านวาวีมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮ่ออยู่ประมาณ 80 % ของจำนวนประชากรทั้งหมด และอีก 20 % เป็นชนเผ่าอื่น ๆ เช่น อาข่า เย้า มูเซอ กะเหลี่ยง ไทยใหญ่ มีการนับถือศาสนา พุทธ คริสต์ อิสลาม ชนเผ่าที่นี่อยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข

         ศาสนาพุทธของที่นี่มีอยู่สองนิกาย คือ หินยานและมหายาน ซึ่งชาวจีนยูนนานส่วนมากจะนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานเพียงนิกายเดียว และบูชาพระโพธิสัตว์ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่นับถือศาสนาพุทธนิกายหินยาน

         ศาสนาอิสลามนั้น เป็นศาสนาที่เข้ามาที่บ้านวาวีต่อจากศาสนาพุทธ ซึ่งชาวบ้านวาวีที่นับถือศาสนาอิสลามจะอยู่ปะปนกันกับชาวบ้านที่นับถือศาสนาอื่น ๆ โดยไม่มีการแบ่งแยก มีการปลูกบ้านอยู่ปะปนกันอย่างกระจัดกระจาย นอกจากนี้ชาวมุสลิมส่วนมากยังมีการแต่งตัวเหมือนกับคนทั่วไป มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการคลุมผ้าเมื่อออกนอกบ้าน

         ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาเผยแพร่แก่ชาวบ้านวาวี เมื่อปี พ.ศ. 2512 และเริ่มดำเนินพันธกิจด้านการศึกษาของเด็กในปี พ.ศ. 2522 โดยขยายการตั้งหอพักนักเรียน คริสตจักรบ้านวาวี มีสมาชิกมากขึ้นตามหมู่บ้านต่างๆ

         ปัจจุบันการเดินทางไปดอยวาวีสะดวกสบายขึ้นมาก มีรถสองแถวให้บริการ หรือจะขับรถส่วนตัวขึ้นไปก็ได้

13,280 views

0

แบ่งปัน

มิวเซียมในจังหวัดเชียงราย