สามารถเลือกปรับขนาดตัวอักษรได้ 3 ระดับ คือ 20% 30% และ 40% จากขนาดมาตรฐาน
การปรับระยะห่างของตัวอักษร และช่องว่างระหว่างบรรทัด สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อให้อ่านข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ขยายขนาดของลูกศรชี้ตำแหน่ง (Cursor) ให้ใหญ่ขึ้นถึง 400%
จะมีเส้นปรากฏขึ้น พร้อมกับการเลื่อนลูกศรชี้ตำแหน่ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสข้อความที่ต้องการอ่านได้สะดวกขึ้น
ช่วยเน้นและแยกส่วนของลิงค์หรือปุ่มต่างๆ ออกจาก เนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถมองเห็นปุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเลือกปรับชุดสีของเว็บไซต์ได้ 4 แบบตัวอักษรและปุ่มต่างๆ มีสีเข้มคมชัด มองเห็นได้ชัดเจน
พุทธมณฑล ถิ่นรมณีย์ที่มากกว่าแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
บังอร ไทรเกตุ
"กี่รอบแล้วค่ะ" ฉันร้องทักชายสูงวัย รูปร่างเล็กแต่แข็งแรง ขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง
"รอบแรกเองครับ" เขาตะโกนตอบพร้อม ๆ กับ โบกมือทัก กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ของเขาโชยปะทะกับโสตรับกลิ่นของฉันในจังหวะที่เราวิ่งสวน
เราต่างก็เป็นนักวิ่งขาประจำของที่นี่ แม้จะคุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็ไม่เคยพูดคุยอย่างเป็นกิจจะลักษณะมีเพียงยิ้มให้กันเท่านั้น ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันที่ต้องการความสงบขณะวิ่ง
ทุกก้าวที่แตะลงบนพื้นบล๊อกตัวหนอน ฉันพยายามที่จะให้ใจเกาะติดอยู่กับฝีเท้า แต่มันมักไม่เชื่อฟังเผลอทีไรเป็นต้องคิดไปเรื่องอื่น ๆ ทั้งเรื่องราวในอดีต อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
กว่ารู้ตัวก็กินเวลาไปใกล้จะครบรอบ นั่นไง อีก ๑๐ เมตร ข้างหน้า... ครบ ๑ รอบ นั่นหมายถึงฉันวิ่งมาได้ระยะทาง ๔.๖ กิโลเมตร เป็นการวิ่งรอบองค์พระศรีศากยะทศพลญาณทรรศน์
พระประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ซึ่งออกแบบโดย ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี
ถึงบรรทัดนี้...คุณคงจะเดาถูกแล้วสิว่า สถานที่นี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก "พุทธมณฑล" ใครที่เคยผ่านถนนพุทธมณฑลสาย ๔ จังหวัดนครปฐม น่าจะได้เห็นองค์ท่าน
ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านมาแต่ไกล ยิ่งพิศก็ยิ่งงามนัก แต่...อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า พุทธมณฑล เป็นแค่สวนสาธารณะเหมือนทั่ว ๆ ไป จะต่างก็ที่มีอาณาบริเวณกว้างกว่าถึง ๒,๕๐๐ ไร่
ซึ่งนั่นก็จริง แต่เป็นแค่เพียงบางส่วนเท่านั้นเอง เพราะยังมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างซุกซ่อนอยู่ ถ้าหากคุณทราบคงไม่พลาดที่จะมาเยี่ยมชมแน่ ๆ
ก่อนจะกล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจนั้น เราควรได้รู้ถึงเจตนารมณ์ของผู้ริเริ่ม คือ จอมพลป.พิบูลสงคราม ต้องการสร้างปูชนียสถานเพื่อเป็นพุทธบูชาเนื่องในวโรกาสมหามงคลกาล
ที่พระพุทธศักราช เวียนมาบรรจบครบกึ่งพุทธกาลคือ ๒,๕๐๐ ปี แต่กว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จก็กินเวลาไปกว่า ๓๐ ปี คือ นับจากวันที่ดำริเมื่อปี ๒๔๙๕ แต่มาเสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๕๒๕
สมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเพราะมีอุปสรรคมากมาย ฉะนั้น สิ่งก่อสร้างตลอดจนสถาปัตยกรรมภายใน "พุทธมณฑล" จึงเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา
โดยเฉพาะ "สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล" ที่ตั้งโดยรอบขององค์พระประธาน คือ สถานที่น่าสนใจที่ฉันพูดถึง ซึ่งกำลังจะวิ่งผ่านพอดี ดังนั้น จึงขออาสาเป็นมัคคุเทศก์พาคุณไปทัศนากัน
เริ่มจากตำบลแรก อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงทิศเหนือ คือ ตำบลประสูติ "เราผู้เป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา" ปฐมพระวาจาของสิทธัตถะราชกุมาร
เมื่อครั้งทรงประสูติ ณ สวนลุมพินีวันใต้ต้นสาละ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้กล่าวไว้ว่าเป็นการเปล่งอภิสวาจาที่มีนัยถึงการประกาศอิสรภาพของมนุษย์
จากเทพสูงสุดเป็นธรรมสูงสุด สิ่งที่จะได้เห็น คือ หินรูปดอกบัวสัตตบงกชแย้มบาน ๗ ดอก ซึ่งอุปมาเป็นดอกบัวสวรรค์ที่รองพระบาทขณะทรงพระดำเนิน ๗ ก้าวเมื่อประสูติ
หินรูปดอกบัวทั้ง ๗ เกาะกลุ่มกันบนเนินดินที่ทาบด้วยสีเขียวของพื้นหญ้า ตรงกลางดอกบัวแต่ละดอกจะมีรอยแกะสลักรูปพระพุทธบาทและชื่อแคว้น ๗ แคว้น
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรม ได้แก่ มคธ-อังคะ กาสี-โกศล สักกะ วัชชี มัลละ วังสะ และกุรุ
ถัดไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ คือ ตำบลปฐมเทศนา จำลองเป็นป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองสารนาถ สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ โดยทรงแสดงธรรม
"พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" แสดงถึงวงล้อแห่งธรรมได้หมุนขึ้นแล้ว รู้ไหม?? ที่มาของ 'เสมาธรรมจักร' เส้นผ่าศูนย์กลาง ๔.๗๖ เมตร สูง ๔.๕๖ เมตร มีความน่าทึ่งมาก!!
จากหนังสือ "คนสร้างทาง" ของวิศว์ ลิปตพัลลภ ทำให้ฉันเห็นถึงพลังศรัทธาอันมั่นคงของชายคนหนึ่งต่อพระพุทธศาสนา ที่แม้เผชิญอุปสรรคมากมายแต่หาได้ย่อท้อ
นับตั้งแต่การดั้นด้นไปถึงชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้บุกเบิกเมื่อปี ๒๕๒๗ เพื่อการเสาะหาหินแกรนิตขนาดใหญ่และเลื่อยตัด
ให้มีขนาด ๕ คูณ ๖ เมตร บนหน้าผาหินแกรนิต ซึ่งใช้เวลานานถึง ๖ เดือน และการลำเลียงหินที่มีน้ำหนักรวม ๑๐๒,๐๐๐ กิโลกรัม จากป่าลึกสู่พุทธมณฑล นครปฐม
เส้นทางบกกว่า ๗๒๒ กิโลเมตร และทางน้ำ ๒๔๐ กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น ๙๖๒ กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทาง ๑ เดือน จึงจะได้หินมาแกะสลักเป็นเสมาธรรมจักร
ตั้งตระหง่านในพุทธมณฑล : เขตแดนของพุทธศาสนา
ข้างหน้าเราทางทิศใต้ คือ ตำบลตรัสรู้ ที่ที่การวนเวียนในวัฏสงสารของพระองค์นานกว่า ๔ อสงไขย กับหนึ่งแสนมหากัปได้สิ้นสุดลง แต่เป็นการเริ่มต้นของพระพุทธศาสนา
ถามว่าอะไรที่พระองค์ทรงค้นพบ คำตอบก็คือ "อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท" ความจริงของกฎธรรมชาติที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย และธรรมที่จะก้าวพ้นจากปัจจัยการปรุงแต่ง
คือ นิพพาน นั่นเอง (ฉันมีความลับจะบอก ..ทุกครั้งที่เดินเข้ามายังตำบลตรัสรู้จะมีความรู้สึกปิติลึก ๆ อยู่ข้างใน เมื่อได้เห็นต้นโพธิ์ใหญ่ยืนสูงตระหง่าน ด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานหิน
สัญลักษณ์รูปโพธิบัลลังก์ ที่ซึ่งพุทธองค์ทรงประทับตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ)
ขณะนี้ เรากำลังวิ่งมายังด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นตำบลสุดท้าย คือ ตำบลปรินิพพาน ในปัจฉิมวาจาที่ทรงตรัสโอวาทแก่พระภิกษุสาวกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสด็จปรินิพพานว่า
"ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอพูดกับเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม"
เมื่อได้ฟังเช่นนี้แล้ว เราชาวพุทธอย่าได้ปล่อยเวลาให้ล่วงไปเสียเปล่าเลย
กลีบดอกสาละร่วงตามแรงลม... ปลิวร่อนหล่นลงบนแท่นหินสัญลักษณ์รูปแท่นไสยาสน์ บ้างปลิวไปอยู่บนแท่นที่นั่งของพระอานนท์ อิงแอบอยู่ข้าง ๆ
ก็อย่างที่บอก การมาวิ่งพักผ่อนที่นี่พิเศษกว่าที่อื่น เพราะนอกจากได้สุขภาพกายแล้ว ยังได้สุขภาพใจ เกิดสังเวชกระตุ้นเตือนให้ระมัดระวังในการดำเนินชีวิต
และรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระเมตตาอันเหลือประมาณมิได้ ถึงจะไม่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังสังเวชนียสถาน ๔ ณ ประเทศอินเดีย
แต่ที่ "พุทธมณฑล" ก็ได้จำลองในแก่นสาระได้ครบถ้วน เรียกได้ว่าแม้กายไปไม่ถึง แต่ใจหยั่งถึงก็เพียงพอ ....